เชฟโธมัส และ เชฟแมทธิอัส ซูห์ริง
บลองแปง (Blancpain) ต้อนรับสุดยอดเชฟสองพี่น้องฝาแฝดผู้ถือครองรางวัลสองดาวมิชลิน นั่นคือ เชฟโธมัส (Thomas) และเชฟแมทธิอัส ซูห์ริง (Mathias Sühring) เข้าเป็นสมาชิกใหม่ในแวดวงคูลิแนรี่ เฟรนดส์ (culinary friends) ของแบรนด์โดยทั้งคู่เป็นเจ้าของร้านซูห์ริง (Sühring) ที่ได้เปิดต้อนรับนักชิมมากว่าสี่ปีแล้ว และที่นี่ยังถือเป็นหนึ่งในสุดยอดร้านอาหารระดับไฟน์ไดน์นิ่งที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯอีกด้วย ความโดดเด่นในการนำเสนออรรถรสแบบเยอรมันในสไตล์โมเดิร์นผสมผสานอาหารตำรับดั้งเดิมที่เคยได้ลิ้มรสเมื่อครั้งยังเด็กเข้ากับศิลปะการปรุงอาหารยุโรปตอนกลางร่วมสมัยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
นอกจากการที่ บลองแปง เป็นพันธมิตรกับมิชลิน ไกด์ (Michelin Guide) ซึ่งเป็นผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการในการแข่งขันทำอาหารชั้นนำต่างๆ รวมไปถึงการสวมบทบาทเป็นนักวิจารณ์อาหารโดยได้รังสรรค์บทความเกี่ยวกับภัตตาคารชั้นเลิศระดับโลกในนิตยสารของแบรนด์ที่ชื่อ “แลทธ์ ดู บราซูส์” (Lettres du Brassus) บลองแปงยังเป็นเรือนเวลาที่เชฟผู้มีชื่อเสียงต่างเลือกสวมใส่มายาวนานกว่าสามทศวรรษอีกด้วย ปัจจุบัน เดอะ แมนูแฟคเจอร์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับสองพี่น้องซูห์ริง เชฟระดับมิชลินสองดาว ผู้ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของกลุ่มคูลิแนรี่ เฟรนส์ ของบลองแปงอันประกอบด้วย เหล่าเชฟผู้ทรงเกียรติมากมาย
ทั้งเรือนเวลาขั้นสูง (HauteHorlogerie) และ อาหารขั้นสูง (Haute Cuisine) นั้นต่างมีรากฐานที่คล้ายคลึงกันอย่างยิ่งโดยทั้งสองต่างต้องอาศัยทักษะที่แม่นยำ รวมถึงชั้นเชิงในการการผสมผสานจารีตดั้งเดิมและความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งช่างผู้ประดิษฐ์เรือนเวลาของบลองแปง เชฟโธมัสและเชฟแมทธิอัส ซูห์ริงต่างก็มีความสามารถอันเปี่ยมล้นในการนำชิ้นส่วนต่างๆ และวัตถุดิบหลากชนิด มาผสมผสานกันจนเกิดเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ อีกทั้งเวลายังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการตระเตรียมอาหารชั้นสูงอันเลิศรส และในฐานะผู้ถ่ายทอดเวลาอันเที่ยงตรงมาตั้งแต่ปี 1735 นาฬิกาบลองแปงจะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมขับเคลื่อนให้ครัวของสองเชฟซูห์ริงเดินไปข้างหน้าพร้อมกับจังหวะการทำงานของนาฬิการะบบโครโนกราฟฟลายแบ็ค (chronograph flyback) ทั้งในรุ่นฟิฟตี้ฟาธอมส์ (Fifty Fathoms) และ ฟิฟตี้ ฟาธอมส์ บาธีสเคป (Fifty Fathoms Bathyscaphe)
สำหรับเชฟโธมัส และเชฟแมทธิอัส ซูห์ริงเกิดเมื่อปี 1977 ที่กรุงเบอร์ลิน และเมืองหลวงของเยอรมนี ทั้งคู่ก็ได้โอกาสร่วมงานกับทีมเชฟของร้านเรสเตอร์รองท์ อควา (Restaurant Aqua) ในเมืองว็อลฟส์บวร์ค (Wolfsburg) ซึ่งนำโดยเชฟผู้ถือครองสามดาวมิชลิน เสวนเอลเวอร์เฟล (Sven Elverfeld) จากนั้นเชฟคู่แฝดต่างแยกกันไปต่อยอดประสบการณ์ของตน และต่อมาในปี 2016 ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเองที่กรุงเทพฯในชื่อ ซูห์ริง ด้วยความปรารถนาที่จะถ่ายทอดมรดกการสร้างสรรค์อาหารและความรู้ความเชี่ยวชาญที่ได้สั่งสมมาตลอดชีวิตการเป็นเชฟ ให้ผู้คนได้สัมผัสกับอาหารเยอรมันดั้งเดิม ลิ้มรสชาติแบบต้นตำรับ ที่ผสมผสานความโมเดิร์นและเทคนิคการปรุงอันสร้างสรรค์
แม้จะเพิ่งเปิดร้านได้เพียงหนึ่งปี แต่ในปี 2017 ร้านซูห์ริงก็ติดอันดับ 13 จาก 50 สุดยอดร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย (Asia’s 50 Best Restaurants) ซึ่งถือเป็นร้านใหม่ที่ทำสถิติสูงสุดเป็นอันดับสองในการก้าวขึ้นมาติดอันดับท็อป 50และในปีเดียวกันนั้นเอง มิชลิน ไกด์ ฉบับกรุงเทพฯก็ถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกซูห์ริงได้รับรางวัลรับดาวมิชลินดวงแรกในปีนั้น ต่อมาในปี 2018 และ 2019 ก็คว้าสองดาวมิชลินมาครองติดกันสองปีซ้อน อีกทั้งในปี 2020 ก็ไต่อันดับขึ้นเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียอันดับที่ 6 ซึ่งแต่ละร้านที่ได้รับคัดเลือกนั้น ล้วนเป็นสุดยอดร้านระดับไฟน์ไดน์นิ่งของโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี