จนถึงตอนนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงไม่ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ ต่อโจ ไบเดน คู่แข่งจากฝั่งเดโมแครต ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแม้เวลาจะล่วงเลยมา 10 กว่าวันแล้ว และไบเดนก็ได้คะแนนคณะผู้เลือกตั้ง ทะลุหลัก 300 คะแนน จากทั้งหมด 538 คะแนนเกินกว่าคะแนนขั้นต่ำที่ต้องรวบรวมได้อย่างน้อย 270 คะแนนไปไกลแล้วก็ตาม
ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ต่างก็ออกมายอมรับความพ่ายแพ้ เกือบจะในทันทีหลังทราบว่าคู่แข่งของเขารวบรวมคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง ได้ถึง 270 คะแนน ลองไปไล่เลียงดู
ในการเลือกตั้งปี 2535 อดีตประธานาธิบดี จอร์จ บุช ได้กล่าวหลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับอดีตประธานาธิบดีบิลล์คลินตัน เรียกร้องให้ชาวอเมริกันมองข้ามความเห็นต่างระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แล้วหันไปสนับสนุนประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศ
สี่ปีต่อมา อดีตวุฒิสมาชิกบ๊อบ โดล จากรีพับลิกัน กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ ด้วยการห้ามปรามผู้สนับสนุนไม่ให้โห่ร้องต่อต้านชัยชนะของนายคลินตันที่คว้าชัยชนะเป็นสมัยที่สอง พร้อมกับบอกด้วยว่า คลินตันเป็นคู่แข่งของเขา แต่ไม่ใช่ศัตรู
ในปี 2543 การแข่งขันระหว่างนายอัล กอร์ กับอดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุชกลายเป็นที่จดจำของทั้งชาวอเมริกันและผู้คนทั่วโลก เพราะมีการยื่นเรื่องต่อสู้กันทางกฎหมายถึงผลการเลือกตั้ง แต่ในที่สุดอัล กอร์ ก็แถลงยอมรับความพ่ายแพ้ พร้อมกล่าวกับชาวอเมริกันว่า เขาไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล แต่เพื่อความเป็นเอกภาพของชาวอเมริกันและความเข้มแข็งของประชาธิปไตย เขาขอยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
ส่วนการเลือกตั้งเมื่อปี 2547 อดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ได้คะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้ง เฉือนชนะคู่แข่งอย่างนายจอห์น แคร์รี ไปเพียง 35 เสียง แต่นายแคร์รีตัดสินใจประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ แทนที่จะยื่นเรื่องคัดค้านให้ผลการเลือกตั้งต้องยืดเยื้อออกไป
ต่อมาในปี 2551 วุฒิสมาชิกจอห์น แม็คเคน พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ ที่ทำให้นายบารัค โอบามา ได้กลายเป็นประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของสหรัฐ ซึ่งสว.แม็คเคนได้แสดงความยินดีกับชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันพร้อมกับเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนเขาร่วมมือกับรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโอบามาเพื่อความเป็นเอกภาพของประเทศ
หลังจากนั้น 4 ปี นายมิตต์รอมนีย์ ก็ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้การเลือกตั้งให้กับอดีตประธานาธิบดีโอบามาแบบไม่มีเงื่อนไข เช่นเดียวกับ นางฮิลลารี คลินตัน ที่ยอมรับความพ่ายแพ้หลังโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 แบบล็อกถล่ม จนหมดหวังสร้างสถิติเป็นผู้หญิงคนแรกที่จะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐ และเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนร่วมมือกับผู้นำคนใหม่เพื่ออนาคตที่ดีของประเทศ
ลองมาดูกันไหมว่า ทรัมป์จะกล้าออกปากยอมรับความพ่ายแพ้แบบแมนๆ หรือเปล่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี