ARพระที่นั่งวิหารสมเด็จ
จากการที่กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรมได้พัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อให้บริการข้อมูลความรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมสู่ประชาชน ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศนั้น ทำให้เป็นเรื่องที่น่าสนใจด้วยมีการนำเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) มาใช้ในการนำเสนอข้อมูลมรดกวัฒนธรรม เพื่อสร้างความน่าสนใจ ในชื่อ AR SMARTHERITAGE ซึ่งเป็นแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุดที่กรมศิลปากรโดย นายประทีป เพ็งตะโก ร่วมกับ ศ.เกียรติคุณสันติ เล็กสุขุม ร่วมกันพัฒนาการเรียนรู้ที่สามารถพาผู้ที่สนใจด้านประวัติศาสตร์ชมโบราณสถานสำคัญของไทยในรูปแบบ ๓ มิติ อันเป็นผลงานการศึกษาค้นคว้าของ ศ.เกียรติคุณ สันติ เล็กสุขุม ผู้ริเริ่มนวัตกรรมการสื่อสารให้เข้าถึงงานสถาปัตยกรรมด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาตลอด ซึ่งก่อนหน้านั้นได้การเสนอภาพสันนิษฐานภูมิทัศน์ของโบราณสถานสำคัญมาแล้ว สำหรับการสร้าง AR (Augmented Reality) ครั้งนี้ก็คือการนำเทคโนโลยีมาผสานระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน ด้วยการใช้ระบบซอฟต์แวร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อต่างๆ เช่น เว็บแคมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่นที่เกี่ยวข้อง โดยวัตถุเสมือนที่ว่านั้นอาจจะเป็นภาพ วีดีโอ เสียง ข้อมูลต่างๆ ที่ประมวลผลมาจากคอมพิวเตอร์ มือถือ หรืออุปกรณ์สวมใส่ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่ทุกคนสามารถชมได้โดยผ่านโทรศัพท์มือถือ ในวันเปิด ARSMART HERITAGE เพื่อการเรียนรู้ ณ วัดราชบูรณะอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๓นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร ได้ชวนไปร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ผู้สนใจชมโบราณสถานนั้นจะสามารถเห็นรูปแบบสันนิษฐานซ้อนทับลงบนโบราณสถานจริง โดยผ่านเทคโนโลยี AR ทำให้ผู้เข้าชมสามารถจินตนาการเห็นถึงความรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ของเมืองมรดกโลก ปัจจุบันสามารถชมโบราณสถานภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาจำนวน ๑๑ แห่ง รวมถึงวัดราชบูรณะ และตามโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลก ได้แก่ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย๑๐ แห่ง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ๙ แห่ง และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร ๖ แห่ง ซึ่งทุกคนสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดจากป้ายหน้าโบราณสถานแต่ละแห่ง และเปิดแอพฯเพื่อซ้อนภาพกับสถานที่จริงได้ทันที
หน้าจอ AR SMART HERITAGE
นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้พัฒนาระบบของการนำชมโบราณสถานที่เป็นเข้าถึงได้ยากและไม่เปิดให้เข้าชม เพื่อการอนุรักษ์ให้ไม่ถูกทำลายนั้นถือเป็น Unseen Heritage โดยนำระบบ VirtualReality มาพัฒนาผ่านกล้อง VR จำนวน ๒ แห่ง คือกรุพระปรางค์วัดราชบูรณะ ในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และอุโมงค์วัดศรีชุม ในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งจะช่วยให้สามารถรับรู้เสมือนได้เดินเข้าไปชมภายในได้จริง ซึ่งเป็นก้าวใหม่ของการเรียนรู้ที่นำไปใช้ชมโบราณสถานรูปแบบใหม่ ด้วยเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้ง่ายซึ่งเป็นส่งเสริมเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้แหล่งโบราณสถานมีความสำคัญและกระตุ้นให้ความสนใจใคร่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยที่ถูกต้องมากขึ้นซึ่งทุกคนสามารถเข้าแอพพลิเคชั่น AR SMARTHERITAGE ที่นำเทคโนโลยี AR (AugmentedReality) และ VR (Virtual Reality) มาใช้ในการนำเสนอข้อมูลมรดกวัฒนธรรมทุกเวลา แม้จะไม่ได้ไปยังสถานที่จริงก็สามารถชมได้เสมือนจริง นับเป็นก้าวใหม่ที่ช่วยสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างสถาปัตยกรรมไทยในอดีตของโบราณสถานในยุคสมัยต่างๆ ทั้งๆ ที่ปัจจุบันจะเหลือเพียงแค่ฐานราก ที่มีแต่เศษอิฐร่องรอยสถาปัตยกรรมและชิ้นงานด้านศิลปกรรมบางส่วน แต่โลกดิจิทัลก็สามารถนำภาพของความรุ่งเรืองแห่งยุคสมัยในอดีตกลับมาให้เห็นมากกว่าหุ่นจำลองหรือภาพร่างภูมิสถาปัตยกรรม แม้ว่าจะเป็นข้อสันนิษฐานจากสิ่งที่เหลืออยู่น้อยก็เป็นการจุดประกายการเรียนรู้และค้นคว้าต่อไปในสาระของประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมและศิลปกรรม ที่เป็นต้นทุนทางมรดกวัฒนธรรมของแผ่นดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี