บ้านวงศ์บุรี
จากเหตุที่มีการร้องเรียนถึงการรื้ออาคารไม้สักเก่าที่เมืองแพร่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นอาคารเก่าที่บริษัทบอมเบย์ เบอร์มา เทรดดิ้ง สร้างไว้อยู่นอกกำแพงเมืองแพร่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ริมแม่น้ำยม จึงได้ตามรอยสยาม ไปกับนายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากรและคณะ ซึ่งเดินทางสรุปผลการศึกษาและการอนุรักษ์เรือนไม้สัก ด้วยกรมศิลปากรโดยสำนักงานศิลปากรที่ ๘ นั้นได้ตรวจสอบอาคารหลังที่ถูกรื้อถอนนี้พบว่ามีประวัติสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๒ อาคารหลังนี้เป็นเรือนไม้ประยุกต์ หรือสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลมีลักษณะผสมผสานกันระหว่างแบบอาคารท้องถิ่นและอาคารแบบตะวันตก ที่มีความนิยมสร้างขึ้นในสมัยนั้น ซึ่งเป็นสำนักงานป่าไม้อายุ ๑๒๐ ปีโดยอ้างอิงจากภาพถ่ายทางอากาศ ส่วนอาคารไม้ของบอมเบย์เบอร์มานั้นได้ถูกน้ำพัดเสียหายไปก่อนหน้านั้นแล้ว
คุ้มเจ้าหลวง
ด้วยเหตุที่เมืองแพร่เป็นเมืองที่เปิดการสัมปทานทำไม้โดยเฉพาะเป็นแหล่งไม้สักสำคัญของประเทศไทยมาตั้งแต่อาณาจักรล้านนาโดยบริษัทบอมเบย์ เบอร์มา เป็นบริษัทของอังกฤษ ซึ่งเริ่มทำไม้ในประเทศพม่าเพื่อส่งออกไม้ไปยังจีนอินเดียมาก่อน ซึ่งนิยมใช้ “ไม้สัก” ต่อเรือสินค้า ซึ่งถือว่าเป็นไม้ที่มีคุณภาพ ต่อมาภายหลังได้เริ่มเข้ามาขอสัมปทานทางภาคเหนือของไทย ด้วยมีป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์ และค่าสัมปทานถูกกว่าพม่า จึงทำให้มีการนำคนงานพม่าเข้ามาเมืองแพร่ด้วยเพื่อช่วยทำไม้จนเป็นอุตสาหกรรมหลักของเมือง อีกทั้งเป็นจังหวัดที่บุกเบิกการสอนด้านการทำป่าไม้เริ่มจากโรงเรียนป่าไม้ ระดับประกาศนียบัตรในปี พ.ศ.๒๔๗๘ ซึ่งต่อมาได้ต่อการศึกษามาถึงระดับปริญญา จนเกิดเป็นคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในปัจจุบัน ด้วยเหตุที่เมืองแพร่มีคำขวัญประจำจังหวัดว่า “ม่อฮ่อมไม้สัก ถิ่นรักพระลอ ช่อแฮศรีเมือง ลือเลื่องแพะเมืองผีคนแพร่นี้ใจงาม” สะท้อนถึงอัตลักษณ์เฉพาะของเมือง จนรู้กันทั่วไปว่าเมืองแพร่นี้มีการสร้างบ้านหรือเรือนไม้สักกันมาก เรือนไม้สักแต่ละแห่งมีอายุกว่าร้อยปี และเป็นหลักฐานแสดงภูมิปัญญาสุดยอดช่างโบราณ ที่สร้างบ้านด้วยการเซาะร่องเข้าเดือยไม้โดยไม่มีการตอกตะปู ประดับด้วยลายฉลุลายแบบขนมปังขิงซึ่งเรือนไม้สักสมัยนั้นใช้ไม้สักยืนต้นอายุเป็น ๑๐๐ ปีซึ่งเป็นไม้สักที่มีเนื้อไม้แข็งแรงทนทาน ด้วยถือว่า ไม้สักนั้นเป็นทรัพยากรที่มีค่าสูงและได้รับความนิยมในกลุ่มเจ้านายและพ่อค้าไม้ เรือนเก่าโบราณที่ยังพอเห็นอยู่หลายแห่ง เช่น คุ้มเจ้าหลวงเรือนที่ทำการเจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.๒๔๓๕ เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้สองชั้น ตัวเรือนทาสีครีม ขลิบสีเขียวอ่อน ประดับด้วยไม้สักฉลุ เป็นสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปสวยงามตามสมัยนิยม ด้านหน้ามีรูปปั้นเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าเมืองนครแพร่องค์สุดท้าย บ้านวงศ์บุรี สถาปัตยกรรมเรือนขนมปังขิงสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๐ เป็นคุ้มของเจ้าพรหมหรือหลวงพงษ์พิบูลย์และเจ้าสุนันตา วงศ์บุรี คุ้มพระวิชัยราชา เรือนไม้สักทรงมะนิลาสร้างขึ้นระหว่างปี พ.ศ.๒๔๓๔-๓๘ วัดจอมสวรรค์ เรือนศาลาการเปรียญยกพื้นสูงไม้สักสถาปัตยกรรมนิยมแบบพม่า มีหลังคาซ้อนชั้นลดหลั่นกัน ประดับด้วยไม้สลักศิลปะพม่า อาคารพิพิธภัณฑ์ไม้สัก เดิมเป็นอาคารบริษัทอีสต์เอเชียติก จำกัด ผู้ได้รับสัมปทานจัดการป่าไม้ในยุคต้นจนถึง พ.ศ.๒๔๗๘ จึงมอบพื้นที่ ๖ ไร่พร้อมอาคารไม้สักหลายหลังให้รัฐบาลสยามต่อมาได้ตั้ง โรงเรียนการป่าไม้ แห่งแรก ส่วนอาคารไม้สักที่มีการรื้อนี้เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๔๓๒ ครั้งบริษัทบอมเบย์ เบอร์มา (Bombay Burmah Trading Corporation) เข้ามาทำไม้ในเมืองแพร่ โดยได้รับสัมปทานทำไม้ในบริเวณป่าแม่น้ำยมตะวันตก อาคารหลังนี้ตั้งอยู่บริเวณท่าน้ำบ้านเชตวัน อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นแหล่งพักไม้ หลังจากที่หมดสัญญาสัมปทานป่าไม้ในเมืองแพร่ ทางบริษัทได้ยกให้ไว้กับรัฐบาล
คุ้มวิชัยราชา
ปัจจุบันเป็นบริเวณสวนรุกขชาติเชตวันริมแม่น้ำยม อยู่ในความดูแลของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๑๓ (แพร่) การรื้ออาคารเก่าอายุกว่า ๑๐๐ ปีนั้น แม้ว่าจังหวัดเซ็นอนุมัติโครงการ แต่ก็ไม่ได้ให้รื้อ ให้ทำการปรับปรุงซ่อมแซมแต่เมื่อไปรื้อแล้ว จนมีการร้องเรียนจากเครือข่ายประชาชนขึ้น จึงทำให้มีการประชุมหารือและเร่งฟื้นฟูให้เหมือนเดิม โดยกรมศิลปากรได้ขุดสำรวจทางวิชาการและศึกษาข้อมูลเพื่อเสนอแนวทางการอนุรักษ์ให้กับผู้รับผิดชอบโดยตรงดำเนินงานต่อไปโดยมีเครือข่ายภาคประชาชนมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันติดตามดูแล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี