เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น จะพบว่าทั้งจำนวนและคุณภาพไข่ลดลงอย่างมาก และลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสที่จะตั้งครรภ์ ทั้งกรณีการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ หรือแม้แต่ความสำเร็จจากเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์เองก็ตามจะลดลงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาความเสื่อมของรังไข่จากอายุที่มากขึ้น จะพบว่าฟองไข่จะมีความผิดปกติเกี่ยวกับ การแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะมีทารกที่ผิดปกติของโครโมโซมหรือความผิดปกติของการพัฒนาของตัวอ่อน และแท้งบุตรมากขึ้น
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ที่จะลด ชะลอหรือเปลี่ยนให้ความเสื่อมที่เกิดจากอายุที่มากขึ้นกลับมาเด็กลงได้ แม้ว่าจะมีรายงานการใช้อาหารเสริมประเภทสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือการใช้เมลาโตนิน ดีเอชอีเอ รวมทั้งโคเอนไซม์คิวเท็น ในกลุ่มผู้ที่ประสบปัญหาจากความเสื่อมของรังไข่ แต่ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สำหรับแนวทางหรือทางเลือกของความต้องการมีบุตรในบุคคลกลุ่มนี้ ได้แก่ การทำเด็กหลอดแก้วโดยใช้ไข่บริจาคหรือการรับบุตรบุญธรรมนั่นเอง แต่นั่นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ทำให้ได้รับความพึงพอใจ เนื่องจากความเกี่ยวข้องทางสายเลือดทางพันธุกรรมยังไม่สามารถเป็นของเจ้าตัวได้นั่นเอง
แพทย์หญิงวนากานต์ สิงหเสนา สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร V Fertility Center ให้ข้อมูลว่า จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและวิทยาการทางแพทย์ ในปัจจุบันได้มีการนำ PRP (platelet-rich plasma) มาใช้กันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบาดเจ็บของข้อหรือเส้นเอ็นจากการเล่นกีฬา รวมทั้งการรักษาเกี่ยวกับความงามหรือการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาของการดูแลเกี่ยวกับเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่พบว่าการรักษาด้วย PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเองนั้น ให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ จึงได้มีการพัฒนาและนำวิธีการดังกล่าวมาใช้ในกลุ่มคนที่มีปัญหาความเสื่อมของรังไข่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยหมดประจำเดือนที่รังไข่หยุดทำงานตามธรรมชาติ, วัยใกล้หมดประจำเดือน, คนที่รังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควร, หรือในรายที่เคยรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วแต่พบว่าการตอบสนองต่อการรักษาน้อยกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็น พบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ตอบสนองต่อการรักษาด้วย PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเอง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และสามารถกลับมามีประจำเดือนได้ปกติ มีการทำงานของรังไข่ที่ดีขึ้น ภายใน 1-3 เดือน หลังการรักษา นอกจากนี้ มีรายงานการตั้งครรภ์ที่ปกติทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติและความสำเร็จจากการรักษาด้วยเด็กหลอดแก้ว และไม่พบภาวะแทรกซ้อนใดๆ จากการรักษาและต่อเด็กที่คลอดอีกด้วย
ในวงการของเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ได้มีการศึกษาและนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเอง และฉีดเข้าไปที่รังไข่โดยตรง ซึ่งการเตรียม PRP นั้นได้มาจากการเจาะเลือดที่แขน (โดยใช้เลือดปริมาณ 10-60 มล. ขึ้นอยู่กับวิธีการสำหรับเตรียมเป็น PRP) แล้วนำไปสู่ขั้นตอนของการสกัดเตรียม PRP
สำหรับ PRP ที่ได้จะมีปริมาณเกล็ดเลือดที่สูงมากกว่าเลือดทั่วไป ทำให้มีปริมาณของ growth factor, cytokines ที่สูงขึ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ของร่างกาย เมื่อได้ PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเองแล้ว จะนำไปฉีดเข้ารังไข่ข้างละประมาณ 4 มล.ทันที โดยขั้นตอนของการฉีดที่รังไข่นั้นอาจทำได้ 2 วิธี วิธีแรกคือการผ่าตัดส่องกล้องแล้วฉีด PRP ที่ได้ไปที่รังไข่โดยการมองเห็นโดยตรง วิธีที่ 2 คือการฉีดเข้าไปในรังไข่ผ่านทางช่องคลอดด้วยการอัลตราซาวนด์ ประเมินตำแหน่งของรังไข่และเข็มที่ฉีด (วิธีการเช่นเดียวกันกับการเจาะเก็บไข่เพื่อทำเด็กหลอดแก้วนั่นเอง) ซึ่งพบว่าวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่าคือการฉีดผ่านทางช่องคลอดเหมือนการเก็บไข่หลังจากนั้นจะมีการติดตามผลการรักษา โดยพบว่าภายหลังการรักษาเพียง 1 เดือน กลุ่มวัยหมดประจำเดือนกลับมามีประจำเดือนอีกครั้ง ส่วนกลุ่มรังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควรหรือวัยใกล้หมดประจำเดือน การกลับมามีประจำเดือนที่สม่ำเสมอมากขึ้น
นอกจากนี้ จากการตรวจประเมินการทำงานของรังไข่ พบว่าระดับ AMH ที่บ่งบอกถึงทุนสำรองของรังไข่มีระดับเพิ่มขึ้นในผู้ที่ได้รับการรักษาทุกราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารังไข่ฟื้นตัวและทำงานได้ดีขึ้น และยังพบว่าระดับฮอร์โมนFSH จากต่อมใต้สมองที่มีค่าสูงมากเมื่อรังไข่ทำงานน้อย หลังได้รับการรักษาด้วย PRP ระดับฮอร์โมนลดลงอย่างชัดเจน และมีการตอบสนองต่อการกระตุ้นไข่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วได้ดีขึ้น รวมทั้งมีจำนวนฟองไข่มากขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนได้รับการรักษา เมื่อมีจำนวนฟองไข่มากขึ้น อัตราการปฏิสนธิดีขึ้น จำนวนตัวอ่อนย่อมมากขึ้นไปด้วย จึงเป็นการเพิ่มโอกาสสำเร็จจากการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทำให้ตั้งครรภ์ได้ และเพิ่มโอกาสสำเร็จของการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติอีกด้วย ดังนั้น จึงนับว่า PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเอง เป็นทางเลือกใหม่ของวงการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่จะช่วยทำให้กลุ่มคนที่รังไข่มีการทำงานน้อย ได้มีโอกาสมีลูกที่มาจากสายเลือดและพันธุกรรมของตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี