ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันในแต่ละวันเต็มไปด้วยความวุ่นวาย รีบเร่ง ของผู้คนในยุคนี้โดยเฉพาะวัยทำงานที่มีแต่เรื่องท้าทายโดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้
ไม่ว่าจะอาชีพไหนก็ต้องหมั่นสร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ รวมทั้งยังต้องวิ่งตามกระแสสังคมที่มีความหลากหลายรออยู่ข้างหน้าและมีการแข่งขันสูง ชีวิตจึงมักถูกกดดันจากภาวการณ์ต่างๆ มากขึ้น จนอาจทำให้ใครหลายๆ คนมีอารมณ์ขุ่นมัวเกิดความเครียดได้ง่ายๆ และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่บั่นทอนสุขภาพให้ย่ำแย่ลง
ข้อมูลจาก ผศ.นพ.สเปญ อุ่นอนงค์ จิตแพทย์ เปิดเผยว่า เราควรหันมาดูแลสุขภาพจิตใจให้เข้มแข็ง เบิกบานแจ่มใสมีสติพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่เข้ามาในชีวิตได้เป็นอย่างดี และยังช่วยจัดการกับความเครียดได้ง่ายขึ้น โดยมีวิธีปฏิบัติตัวดังนี้
l อยู่กับความเป็นจริง ไม่แปลกที่คนเราจะมีความอยากได้ อยากมี อยากเป็นแต่สิ่งเหล่านั้นทำให้จิตใจเราเป็นทุกข์ ต่างกับการยอมรับความจริงและเรียนรู้ที่จะอยู่กับความพอดีและพอเพียง นอกจากจะช่วยลดความวิตกกังวลให้น้อยลงแล้ว จิตใจที่สงบสุขก็จะช่วยให้เราสามารถปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้ง่าย มีความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าที่จะเผชิญกับปัญหาและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
l รู้จักปล่อยวาง จิตใจที่ไม่เป็นสุข อาจขุ่นมัวเพราะความหวาดกลัว วิตกกังวล คิดเล็กคิดน้อย เก็บทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันมาคิด หรือเอามาเป็นอารมณ์อยู่บ่อยๆ จนทำให้สมองไม่แจ่มใส ไม่สามารถคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ ได้ แต่ถ้ารู้จักปล่อยวาง ยิ้มสู้กับปัญหาและไม่จดจ่ออยู่แต่กับเรื่องที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และไม่สร้างสรรค์ ก็จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ไม่เครียดง่ายแถมยังจะช่วยลดแรงกดดันในชีวิตลงได้อีกด้วย
l มีสติเป็นที่มั่น ชีวิตคนเรามักจะมีปัญหาต่างๆ เข้ามาให้แก้ไขอยู่เสมอ และไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่เพียงใด เราต้องไม่ท้อแท้ หรือหมดกำลังใจ หมั่นเติมพลังแก้ปัญหาด้วยสติปัญญา การจัดการจึงเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้เกิดความพอดีในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ทำอะไรก่อนหลังแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร รู้จักใช้เหตุผลและความสุขุมเยือกเย็น เมื่อจิตใจจะมีความเข้มแข็ง ก็จะสามารถจัดการกับปัญหา หรือทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
l มีจิตใจที่ร่าเริง แจ่มใส คนเราควรมองโลกในแง่ดี รู้จักยิ้มและมีอารมณ์ขันบ้าง ไม่เอาจริงเอาจังกับทุกสิ่งมากเกินไป หากเมื่อต้องพบเจอกับปัญหาหรืออุปสรรค ก็ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ โดยอาจจะใช้วิธีพูดกับตัวเอง เช่น ไม่เป็นไรน่า ช่างมันเหอะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น ใจเย็นๆ จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นและสงบลง รวมถึงช่วยสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นทั้งกับตัวเองและผู้อื่น
l เดินออกจากเหตุการณ์ บางครั้งเราอาจถูกคนในครอบครัว เพื่อน คนในที่ทำงาน คนบนท้องถนน ทำอะไรให้รู้สึกไม่พอใจหรือโกรธ จนรู้สึกอยากตอบโต้กลับไปให้สะใจ แต่การทำเช่นนั้นอาจยิ่งทำให้เรื่องเลวร้ายลงไปอีกแต่หากเลือกเดินออกมาจากปัญหานั้นก่อน น่าจะก็ดีกว่ามานั่งโต้เถียงกันแบบไม่รู้จบ เพราะขณะที่อารมณ์ยังไม่ปกตินั้น คนเรามักขาดสติและไม่ค่อยไตร่ตรองถึงสิ่งที่ถูกต้องก่อน ต่างกับการเดินออกมาก่อนซึ่งอาจช่วยให้ความรู้สึกที่ไม่ดีหายไป แถมยังช่วยลดความเครียดและพร้อมที่จะกลับมาเผชิญกับปัญหาและแก้ไขได้อย่างฉลาดด้วยสติอีกครั้ง
l ปลดปล่อย ระบายอารมณ์ บางครั้งการเก็บสะสมแต่ละเรื่องที่เราเจอมารวมกัน อาจจะทำให้ความอดทนที่มีขีดจำกัดหมดลง ลองสำรวจใจตัวเองดูว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่มาทำให้หม่นหมองขุ่นมัว แล้วหาทางกำจัด หรือปลดปล่อยโดยการพูดคุยปรึกษาเพื่อนหรือคนในครอบครัว เพื่อช่วยระบายอารมณ์ ออกมา และลดความเครียดออกจากตัวเองบ้าง หรืออาจใช้วิธีสวดมนต์ ฝึกทำสมาธิ เพื่อสร้างความสงบให้จิตใจ ช่วยเสริมสุขภาพจิต แถมยังผ่อนคลายความเครียดได้ดีทีเดียว
l รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง มนุษย์เป็นสัตว์สังคมซึ่งต้องการการยอมรับ ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบตัว ดังนั้นการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อนฝูง สังคม การเปิดใจบอกความรู้สึกของตนเองและเข้าใจถึงจิตใจของผู้อื่น รู้จักให้เวลากับตนเองและคนสำคัญในชีวิต จึงจำเป็นต้องเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันที่ประสบปัญหาชีวิต การมีคนที่เราไว้ใจอยู่ข้างๆ และคอยให้กำลังใจ จะช่วยทำให้ก้าวผ่านปัญหาและช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ง่ายขึ้น
เพียงแค่ใช้ชีวิตด้วยความใส่ใจ และไม่ปล่อยปละละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพด้วยการหันมาปรับเปลี่ยนตัวเองเท่านั้น คุณก็จะสามารถสตาร์ทอัพวันใหม่ได้อย่างสดชื่นแจ่มใส มีพลังกาย พลังความคิด พร้อมที่จะลุยงานและดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข
ข้อมูลจาก ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เผยว่า ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระลอกนี้ ส่งผลให้การบริจาคโลหิตลดลงอย่างต่อเนื่องอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้โลหิตขาดแคลนหนักวิกฤติทั่วประเทศ ทั้งนี้เพราะจำนวนผู้บริจาคโลหิตลดลงอย่างมากทุกแห่ง ขอเชิญท่านผู้ที่เคยบริจาคโลหิตหรือผู้มีสุขภาพดีที่ตั้งใจจะไปผู้บริจาคโลหิตให้ตามโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศหรือที่ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ เพื่อช่วยต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ สามารถตรวจสอบสถานที่รับบริจาคโลหิตได้ที่ https://bit.ly/2XGCf4l
สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถบริจาคโลหิตได้ดังนี้
l กรณีได้รับวัคซีนโควิด-19 ที่ได้รับการรับรองจาก อย. เว้น 7 วัน หลังฉีดวัคซีน
l กรณีที่มีอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน ขอให้หายดีก่อน เว้น 7-14 วัน ตามความรุนแรงของอาการ
l ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่เดินทางมาบริจาคโลหิต และตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่รับบริจาค
ขอเชิญคนไทยทุกคนรวมพลัง ร่วมใจบริจาคโลหิตช่วยเหลือผู้ป่วยได้มีชีวิตใหม่และกลับไปอยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข
ผศ.(พิเศษ)ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี