โบราณสถานเมืองมโหสถ
จากโครงการกิจกรรมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดองค์ความรู้ประวัติศาสตร์กำแพงเมือง-คูเมืองเก่า ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยกรมธนารักษ์ของอธิบดี ยุทธนา หยิมการุณ ซึ่งมีภารกิจในการดูแลพื้นที่ดังกล่าวตามกฎหมายนั้น ทำให้มีการเผยแพร่ความรู้และสร้างการมีส่วนร่วมภาคประชาชนและท้องถิ่นขึ้นในพื้นที่หลายแห่ง ทุกปีนั้นการเผยแพร่ความรู้ได้จัดมาแล้วหลายแห่ง เช่น ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์เชียงแสน เวียงกุมกาม เป็นต้น ซึ่งต่อยอดให้เกิดการดูแลพื้นที่จากท้องถิ่นและประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเมืองเก่าโบราณนั้นมีอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ อาทิตย์นี้ขอตามรอยสยามไปสืบสานข้อมูลต่อยอดการอนุรักษ์กันถึงเมืองศรีมโหสถ ซึ่งเป็นเมืองสมัยโบราณที่เกิดขึ้นราวพุทธศักราช ๓๐๐ ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ทำการขุดค้นและศึกษาจากหลักฐานต่างๆ มาตั้งแต่เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๙ จนรู้ว่า เมืองศรีมโหสถแห่งนี้มีชื่อว่า เมืองอวัธยะปุระ ตั้งอยู่ในตำบลโคกปีบ อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี มีบริเวณกว้างถึงหมู่บ้าน ๓ แห่งคือ บ้านสระมะเขือ บ้านโคกวัดและบ้านหนองสะแก เป็นเมืองโบราณขนาดกว้าง ๗๐๐ เมตร ยาว ๑,๕๕๐ เมตร เนื้อที่ทั้งหมด ๗๔๒ ไร่ ๒ งาน ๒๕ ตารางวา ลักษณะเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมมนทั้งสี่มุม จึงคล้ายวงรี มีคันดิน คูน้ำล้อมรอบ ส่วนภายในเมืองนั้นมีเนินดินและสระน้ำกระจายหลายแห่ง มีสระใหญ่สองแห่งเรียกว่าสระมรกต และสระบัวล้า
ส่วนโบราณสถานนั้นพบร่องรอยเทวาลัยของพระนารายณ์ในลัทธิพราหมณ์ฮินดู และมีเทวรูปสลักจากหินทราย เป็นรูปพระผู้เป็นเจ้าของฮินดู ได้แก่ พระนารายณ์ พระวิษณุ พระพิฆเณศ และศิวลึงค์สัญลักษณ์พระศิวะ แล้วยังพบพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี พบทั้งพระศิลา และพระหล่อสำริด พร้อมกับโบราณวัตถุอื่นๆ อีกจำนวนมาก นอกเขตเมืองศรีมโหสถนั้น มีหลักฐานที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต และร่องรอยของชุมชนขนาดใหญ่ที่น่าสนใจ โบราณสถาน โบราณวัตถุที่สำคัญนั้นมี รอยพระบาทคู่-ศิลปะทวารวดีสร้างหลัง พ.ศ. ๑๒๐๐ อโรคยศาล ของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ พระนิรันตรายทองคำ ฯลฯ และต้นโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุด โดย สมเด็จมหาเถรศรีศรัทธาราชจุฬามณี ศรีรัตนลงกาทวีปมหาสามี นำหน่อพระศรีมหาโพธิ์จำนวนหนึ่งกลับมา แล้วแจกจ่ายไปประดิษฐานไว้เมืองสำคัญ เช่น สุโขทัย, พิษณุโลก, นครศรีธรรมราช ฯลฯ น่าเชื่อว่าในคราวนั้นมีการปลูกไว้ในเมืองศรีมโหสถนี้ด้วย
เทวรูปพระคเณศ
เมืองศรีมโหสถนั้นมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องจนเป็นนครรัฐในภาคตะวันออกของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยมีการจัดการน้ำเป็นอย่างดี จึงมีการขุดสระ ขุดบ่อน้ำ ขุดคูน้ำและทำคันดินกั้นน้ำหรือบังคับทิศทางของน้ำเป็น สันนิษฐานว่าในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒นั้นพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงแต่เดิมเป็นพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเลทำให้มีร่องน้ำหลายสายเข้ามายังพื้นที่บริเวณชายขอบดงศรีมหาโพธิ์และผ่านเข้ามาถึงเมืองศรีมโหสถ จึงน่าจะเป็นเมืองท่าสำคัญในระยะแรกของสมัยทวารวดี ด้วยมีการค้นพบ ลูกปัด ลักษณะเดียวกับพบที่เมืองออกแอว (Oc Eo) ที่ตั้งอยู่ตอนใต้ของเวียดนาม และหลักฐานทางโบราณคดีและจารึก เช่น รอยพระพุทธบาทคู่ ที่สระมรกตที่มีความเก่าแก่มาก จารึกเนินสระบัว อักษรหลังปัลลวะ ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๔ กล่าวถึงเตลกฏาหคาถา ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา พบเทวรูปพระนารายณ์ ๔ กร และชิ้นส่วนประติมากรรมพระนารายณ์ รุ่นเดียวกับเมืองศรีเทพและแตกต่างไปจากรูปแบบเทวรูปศิลปะสมัยก่อนเมืองพระนครของเขมร และศิวลึงค์ ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองศรีมโหสถ มีโบราณสถานสระแก้ว ลักษณะเป็นสระน้ำในผังสี่เหลี่ยม ขนาด ๑๗.๕๐ เมตร ยาว ๔๒.๖๐ เมตร สระลึก ๕.๔๐ เมตรทางลงสระอยู่ทางทิศตะวันตก ผนังขอบสระเป็นศิลาแลงธรรมชาติจากการขุดสระ ขอบสระนั้นมีการสลักรูปสัตว์อยู่ภายในกรอบสี่เหลี่ยม ได้แก่ ช้าง มกร หม้อน้ำ สิงห์ หมู งู เป็นต้น
ทำให้เชื่อว่าเมืองศรีมโหสถมีความเจริญในช่วงสมัยเขมรเฟื่องฟูและแพร่กระจายวัฒนธรรมขอมเข้ามาสู่ดินแดนนี้ ซึ่งพบหลักฐานโบราณวัตถุ เช่น คันฉ่องสำริด และขันสำริดจารึกภาษาเขมร ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ และการสร้างสระเหมือนบาราย ภายหลังจากพุทธศตวรรษที่ ๑๘ แล้วเมืองศรีมโหสถไม่ปรากฏให้เห็นหลักฐานที่สืบเนื่องต่อมาจึงสันนิษฐานว่าน่าจะถูกทิ้งร้างเสียคราวนั้น จนหลังสุดจึงฟื้นคืนเป็นชุมชนของชาวไทยพวนในสมัยรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีการพบพระพุทธรูปทองคำ ศิลปะทวารวดี ขึ้น รัชกาลที่ ๔ พระราชทานนามว่า “พระนิรันตราย” อันเป็นพระพุทธรูปสำคัญที่ทำให้บ้านเมืองรอดพ้นปลอดภัยในทุกยามมาจนวันนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี