สถาปัตยกรรมอิสลาม
การประชุมออนไลน์เรื่อง ศิลปะอิสลาม” ซึ่งจัดโดย พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ สงขลา เมื่อวันที่ ๒๘-๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๔ นั้น มีวิทยากรหลายท่าน คือ สุนิติ จุฑามาศ, ณายิบ อะแวบือชา,มะหะมัดลุคพี หะยีสาแม, วรรณา อาลีตระกูล,รุซนี ชูสารอ และ สารัท ชลอสันติสกุล ได้ร่วมกันเปิดความรู้ใหม่ในมิติว่า คาบสมุทรมลายูแห่งนี้พบหลักฐานทางโบราณคดียืนยันว่ามีชุมชนมุสลิมมาแต่โบราณ เช่น แผ่นหินจารึกตรังกานู (Terengganu Inscription) เป็นภาษามลายูโบราณอักขระยาวี (Jawi script) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการสรรเสริญอัลลอฮ์ ศาสดามุฮัมมัดและกฎหมายอิสลาม ระบุปีที่จารึกใน ฮ.ศ.๗๐๓ (ค.ศ.๑๓๐๓) เป็นจารึกอักขระยาวีที่เก่าแก่ที่สุด และสำคัญที่แสดงการเปลี่ยนแปลงเป็นอักษรอาหรับ (Arabic script) แทนอักษรปัลลวะ(Pallava script) จนกลายเป็นรูปแบบการเขียนในศาสนา พงศาวดาร และวรรณกรรมภาษามลายูซึ่งเจริญรุ่งเรืองพร้อมกับการสถาปนารัฐสุลต่านมะละกาเป็นศูนย์กลางการค้าใหญ่ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕
ในพงศาวดารสยาเราะฮ์มลายู (Sejarah Malayu) ได้กล่าวถึง พระปรเมศวรอดีตเจ้าชายแห่งศรีวิชัย ได้ลี้ภัยจากอำนาจของมัชปาหิต มานับถือศาสนาอิสลามและทำหน้าที่ผู้ประกาศศาสนาอิสลามอย่างเข้มแข็ง เช่นเดียวกับการแข่งทางการค้าในรัฐสมุทรปาไซในสุมาตราจึงทำให้สมัยนี้ศรัทธานับถือศาสนาอิสลามและวัฒนธรรมท้องถิ่นมาก ซึ่งมีหนังสือตัวเขียนและจารึก เอกสารโบราณมีอยู่ทั่วไปทุกภูมิภาค ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยมีคัมภีร์อัล-กรุอานเอกสารหลักความเชื่อของคนมลายนูซันตาราในอดีตคัมภีร์ใบลาน บุดดา บุดขาว เป็นต้น
เครื่องแต่งกายมุสลิม
ถือว่าเป็นมรดกที่มีคุณค่าสำคัญมากโดยผ่านการเผยแพร่ของนักการศาสนา การเมือง การแต่งงานและการค้า จนทำให้ศาสนาอิสลามขยายตัวอย่างรวดเร็วในหมู่เกาะอินโดนีเซียและคาบสมุทรมลายู และขึ้นมาถึงจังหวัดทางภาคใต้ของไทย เลยไปถึงแหลมอินโดจีนบริเวณตอนใต้ของเวียดนามด้วย โดยเฉพาะผลงานศิลปะอิสลาม ที่มีลวดลายพฤกษชาติในรูปแบบมลายูพื้นถิ่นของสามจังหวัดนั้น มีลักษณะเด่น คือ จะสร้างลวดลายจากจุดกำเนิดจุดใดจุดหนึ่งแล้วต่อลวดลายแตกยอดออกไป มักเชื่อกันว่าลวดลายของมุสลิมนั้นไม่มีลวดลายที่เป็นรูปของสิ่งมีชีวิต ถึงแม้การสร้างลวดลายหรือสร้างรูปสิ่งมีชีวิตจะไม่ได้รับความนิยมด้วยเป็นข้อถือสาของศาสนาอิสลาม สำหรับศิลปะของมุสลิมแถบเอเชียกลาง (อุซเบกิสถาน, เติร์กเมนิสถาน, ทาจิกิสถาน และเปอร์เซีย อิหร่าน) นั้นมีรูปสัตว์ปรากฏอยู่ในงานศิลปะอยู่บ้าง โดยเฉพาะสิงโตหรือสัตว์ปีกจำพวกนกและผีเสื้อ จึงมีศิลปะในพื้นที่สามจังหวัดมีลวดลายที่มาจากสัตว์ด้วย เช่น ลายไก่ชน ลายเป็ดเรียงแถวหรือการทำอักษร ประดิษฐ์อาราบิคเป็นรูปสัตว์ เช่น ช้าง และสิงห์ เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องแต่งกายและอาภรณ์ของมุสลิม คือ เสื้อมลายู ซึ่งเป็นรูปแบบเสื้อที่ใช้ได้ทุกโอกาส เพียงแต่ว่ามีการตกแต่งเสื้อเพิ่มขึ้นสำหรับใช้ในงานพิธีการ งานพิธีแต่งงาน งานสังคมโดยเฉพาะชุมชนมลายูนั้น สามารถใส่ได้ทุกวันมีชุดเสื้อกูรงใส่ได้ทุกงาน มีเสื้อ กางเกง ซัมปิง และหมวกซอเกาะห์ หากเป็นงานพิธีการก็ใช้เสื้อนอกคลุมทับและเสื้อนอกอาจมีกระดุมเดียวข้างบนหรือว่ากระดุมทั้งหมด แบบเสื้อนอกของยุโรปและวิธีการสวมผ้าซัมปิง นั้นมีความแตกต่างกันระหว่างใส่เสื้อมลายูแบบปกติกับเสื้อมลายูที่มีเสื้อนอกมาคลุมทับ นอกจากนี้ได้มีการฟื้นฟูแหล่งผลิตเครื่องทองเหลืองซึ่งเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนอันเกิดจากการผสมผสานศิลปะของชาติต่างๆ และสยาม กับศิลปะแบบมลายูท้องถิ่นเฉพาะชุมชนจะบังติกอนั้นเคยเป็นศูนย์กลางการปกครองของปัตตานีระหว่าง ปี พ.ศ.๒๓๘๘-๒๔๔๕มีวังเจ้าเมืองปัตตานี แม้แต่เรื่องศิลปะในโลกหลังความตายจากการฝังในกูโบร์นั้นได้มีการผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิม จากก้อนหินที่เรียบง่ายมาสู่การพัฒนาเป็นเครื่องหมายบนหลุมฝังศพ นับเป็นการเรียนรู้ใหม่ที่น่าสนใจยิ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี