คณะทำงานของศูนย์มานุษยวิทยา
ด้วยประชากรชนเผ่าพื้นเมืองในไทยมีหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์และกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งกลุ่มคนแต่ละแห่งยังประสบปัญหาและสถานการณ์อยู่มากมายในเรื่องนโยบาย กฎหมายและมาตรการที่ถูกนำไปปฏิบัติแบบไม่สอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมชุมชน อันขัดกับเจตนารมณ์ของปฏิญญาสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิชนเผ่าพื้นเมืองที่รัฐบาลไทยได้ร่วมรับรองเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ มีการข่มขู่ จับกุม คุมขัง และปรับไหมอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ชนเผ่าพื้นเมืองส่วนใหญ่มักอยู่ในสภาวะสูญเสียอัตลักษณ์ ภาษา และวัฒนธรรมท้องถิ่นตนเองไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งกระแสโลกาภิวัตน์และกระบวนการพัฒนาประเทศนั้นได้มีผลักดันให้เยาวชนและคนวัยทำงานนั้นออกจากชุมชนไปสู่เมืองมากขึ้น เพื่อให้มีมาตรการขจัดการเลือกปฏิบัติที่มีการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง พร้อมทั้งสร้างหลักประกันการยอมรับการมีตัวตนของชนเผ่าพื้นเมืองในไทย โดยมีกลไกหนุนเสริมการพัฒนาศักยภาพแกนนำทั้งหญิง ชาย และเยาวชนของชนเผ่าพื้นเมืองให้สามารถแก้ไขปัญหาของตนเอง ตลอดจนให้ชนเผ่าพื้นเมืองได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติที่ยั่งยืน ด้วยความสามารถที่กำหนดวิถีชีวิตตนเองได้จริง จึงทำให้ชนเผ่าพื้นเมืองจำนวน ๑๗ กลุ่มชาติพันธุ์จากทุกภูมิภาคได้มีการรวมตัวกันครั้งแรกในนาม“เครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย (คชท.)”ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๐ โดยจัดเวทีสัมมนาวิชาการและกิจกรรมรณรงค์ให้รัฐและสาธารณชนได้ยอมรับและเคารพสิทธิชนเผ่าพื้นเมือง จนเกิดความร่วมมือกันจัดงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่องทุกปี ซึ่งในงานมหกรรม พ.ศ.๒๕๕๓ นั้นได้มีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันจัดตั้ง “สภาชนเผ่าพื้นเมืองประเทศไทย” ขึ้น
กระเหรี่ยงแดง-กะแย-มฮ
หลังสุดได้มีการเสนอร่างพ.ร.บ. ๓ ฉบับ คือ ๑.ร่าง พ.ร.บ.สภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยซึ่งเกิดจากการรวมตัวของ ๑๗ ชาติพันธุ์ เป็นเครือข่ายชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ และเพิ่มมากขึ้นจนมีประมาณ ๓๘-๓๙ กลุ่มชาติพันธุ์ มาร่วมพิจารณายกร่างกฎหมายในปี พ.ศ.๒๕๕๕ ก่อนจะส่งต่อให้คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายแก้ไขในทางเทคนิค และเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี พ.ศ.๒๕๕๗๒.ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. ... เสนอโดยคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาด้านผู้สูงอายุ ผู้พิการ และกลุ่มชาติพันธุ์ในคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรีผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร และ ๓.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ เสนอโดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธรซึ่งได้จัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชนเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง และประชาชนทั่วไปทั้งในรูปแบบของการจัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นของภาคประชาชนและส่วนราชการการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นผ่านระบบสื่อสารทางไกลApplication ZOOM และการรับฟังความคิดเห็นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน) จึงทำให้ได้ชุดข้อมูล ข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปรับปรุงร่างกฎหมายที่สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของแต่ละเป้าหมายอย่างครอบคลุมและรอบด้านจากการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าความคิดเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยต่อการมีพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์โดยสังคมต่างตระหนักและให้ความสำคัญต่อการเคารพในคุณค่าและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษยของกลุ่มชาติพันธุ์อย่างเท่าเทียมโดยเฉพาะในบริบทของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ดำรงชีวิตกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศไทยมากกว่า ๖๐ ชาติพันธุ์ ต่างมีวิถีชีวิต วัฒนธรรมอัตลักษณ์ การใช้ภาษาที่เป็นเอกลักษณ์สะท้อนให้เห็นการอยู่ร่วมกันบนความหลากหลายในลักษณะสังคมพหุวัฒนธรรม ทั้งนี้หากพิจารณาในเนื้อหาสาระของร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ จะพบว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีเจตนารมณ์สำคัญให้เป็นกฎหมายที่มุ่ง “ส่งเสริม” ตามหลักการของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๗๐ ตราโดยมุ่งให้การคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีสิทธิเสมอภาคกันอย่างไม่เลือกปฏิบัติอันเป็นพื้นฐานตามหลักสิทธิมนุษยชน นอกจากนี้ยังถือเป็นการวางหลักการและแนวทางในการคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ที่ด้อยสิทธิซึ่งปัจจุบันต่างเผชิญกับการเข้าไม่ถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในฐานะพลเมืองของชาติ จนเสียสิทธิทางวัฒนธรรมในการดำรงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนตลอดจนการขาดความมั่นคงในที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียอัตลักษณ์และภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมอันเป็นต้นทุนสำคัญ ซึ่งคาดว่าในปี พ.ศ.๒๕๖๕ น่าจะมีความหวังให้กับชนเผ่าพื้นเมืองที่เฝ้ารอคอยมานานแล้วเสียที
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี