บานไม้ประดับมุกในวิหารหลวง
ด้วยเหตุที่บานประตูประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นที่วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพฯ เป็นงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่มีอายุชัดเจนจากกาลเวลา จนญี่ปุ่นได้ให้ความสนใจนำงานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ที่วัดราชประดิษฐฯ ไปเป็นตัวกำหนดอายุงานประดับมุกที่ประเทศญี่ปุ่นทั้งประเทศ อาทิตย์นี้ได้ตามรอยสยามไปชื่นชมและภาคภูมิใจไปกับผลงานความร่วมมือกันบูรณะบานประตูงานศิลปะญี่ปุ่นที่เหลืออยู่ในไทยแห่งเดียวเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ที่ผ่านมา
นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากรร่วมกับ พระพรหมวัชราจารย์ (พูนศักดิ์ วรภทฺโก)พร้อมด้วย มร.ซิเยกิ โคบายาชิ (Mr.Shigeki Kobayashi) ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คุณมุกดา จิราธิวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุลและ คุณจุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุล ผู้มีบทบาทสำคัญให้การร่วมกันบูรณะผลงานประดับมุกศิลปะญี่ปุนดังกล่าวนั้น ได้ร่วมกันประกอบคืนบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ตามโครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทย ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร ศิลปะประดับมุกนี้เป็นงานช่างศิลปไทยที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนครให้ความสำคัญมากและจัดห้องงานประดับมุกแสดงไว้เป็นเฉพาะ ถือเป็นงานประณีตศิลป์ที่หลายประเทศต่างมีงานประดับมุกในงานพุทธศิลป์ เครื่องเรือน เครื่องใช้ระดับสูง อันเป็นที่นิยมกันในประเทศอาเซียน เช่นจีน เวียดนาม เมียนมา ลาว ญี่ปุ่น และเกาหลีซึ่งต่างมีเอกลักษณ์ของชิ้นงานแตกต่างกัน ประเด็นสำคัญแบบอัศจรรย์นั้นก็คือ งานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นนี้ ปรากฏว่าไทยได้สั่งเข้ามาประดับเป็นบานประตูหน้าต่างประดับมุกถึง ๑๑๔ ชิ้น มีอายุมากกว่า ๑๕๖ ปี ประดับอยู่ในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร โดยหลายคนนึกไม่ถึงว่าเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่มีค่ามากซ่อนตัวอยู่กลางกรุง
อธิบดีกรมศิลปากร
ดังนั้น การบูรณะบานประตูงานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นที่เป็นภาระที่กรมศิลปากรต้องอาศัย ความร่วมมือทางวิชาการจากสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศ โดย กรมศิลปากรร่วมกับสถาบันวิจัยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เมื่อ พ.ศ.๒๕๕๘ ได้ทำการศึกษาแผ่นไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นบนบานประตูและหน้าต่างภายในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ซึ่งสั่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อประดับพระวิหารเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๘ เพื่อหาวิธีการอนุรักษ์ซ่อมแซมที่ถูกต้องตามเทคนิควิธีงานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น โดยได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน คือ คุณมุกดา จิราธิวัฒน์เอื้อวัฒนะสกุล และคุณจุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุลพร้อมได้ กรมศิลปากรได้จัดสรรงบประมาณโครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทยแก่สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ ได้เริ่มดำเนินการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น
ภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม จำนวน ๗๖ แผ่น และบานไม้ประดับรักลายนูน จำนวน ๓๘ แผ่น ร่วมกับสำนักช่างสิบหมู่และการให้คำปรึกษาด้านเทคนิควิทยาจาก Ms.Yoko Futakami และ Mr.Yoshihiko Yamashita ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบันวิจัยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกันเรียนรู้จนเป็นองค์ความรู้เรื่ององค์ประกอบงานลงรักประดับมุก เพื่อนำไปสู่การอนุรักษ์ซ่อมแซมแผ่นประดับมุกบานหน้าต่างด้วยวัสดุดั้งเดิมจำนวน ๑ คู่ ที่ได้นำมาประกอบคืนบานหน้าต่างเป็นปฐมฤกษ์พร้อมทำพิธีเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้ปฏิบัติงานได้ดำเนินงานตามโครงการนี้ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๘ นั้นสำเร็จด้วยดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี