นับเป็นพระราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ของไทยโดยเฉพาะในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่จะทรงสถาปนาวัดประจำรัชกาล โดยกระทำสืบต่อเนื่องมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชรัชกาลที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ไล่เรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ที่ทรงเปลี่ยนการสร้างวัดประจำรัชกาลไปเป็นการทรงสร้างโรงเรียนขึ้นแทน
สำหรับวัดประจำรัชกาลที่คนไทยรู้จักดี มีดังต่อไปนี้
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหารวัดประจำรัชกาลที่ 1
วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 2
วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 3
วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 4
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 5 และวัดประจำรัชกาลที่ 7
ครั้นในรัชสมัยรัชกาลที่ 6 ไม่ทรงสถาปนาวัดใหม่ขึ้นมา แต่ทรงสร้างโรงเรียนแทน แต่ทางการได้ถวายให้วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6 และวัดประจำรัชกาลที่ 9
วัดสุทัศนเทพวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 8
วัดวชิรธรรมสาธิต วรวิหาร วัดประจำรัชกาลที่ 10
วันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับวัดประจำรัชกาลที่ 3 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ศิลปะการก่อสร้างวัดนี้นับได้ว่าเป็นแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยแท้ เนื่องด้วยพระองค์ทรงมีความใกล้ชิดกับบรรดาพ่อค้าจีนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นยุคที่การค้าระหว่างสยามกับจีนเฟื่องฟูมาก ดังนั้นจึงพบว่าทรงนำศิลปะแบบจีนเข้ามาผสมผสานกับศิลปะไทยอย่างลงตัว
วัดราชโอรสารามฯ เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดจอมทอง (วัดเจ้าทอง, วัดกองทอง)เมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 3 ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็น พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ทรงเป็นจอมทัพนำกำลังทหารไปสกัดทัพพม่าที่ด่านพระเจดีย์สามองค์ ระหว่างทางได้ทรงพักทัพ ณ วัดจอมทอง และทรงตั้งพระทัยว่าเมื่อจบการศึกแล้วจะกลับมาทำนุบำรุงวัดแห่งนี้ให้งดงาม เมื่อจบการศึกแล้วจึงทรงเป็นแม่งานบูรณปฏิสังขรณ์วัดแห่งนี้ ทรงคุมการก่อสร้างวัดนี้ด้วยพระองค์เอง เมื่อวัดได้รับการบูรณะเสร็จสมบูรณ์แล้วทรงน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายวัดนี้เป็นพระอารามหลวงถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระราชบิดารัชกาลที่ 3 ทรงตั้งชื่อวัดใหม่ว่า วัดราชโอรส ความหมายคือวัดที่พระราชโอรสทรงสถาปนา
ความน่าสนใจของวัดราชโอรสารามฯ คือผังของวัดเป็นแบบฮวงจุ้ยจีน ด้านหน้าวัดหันไปทางแม่น้ำ (คลอง) ด้านหลังมีภูเขา และด้านข้างขนาบด้วยเนินเขา เมื่อดู
รายละเอียดพบว่าพระอุโบสถหันหน้าไปทางแม่น้ำ (คลอง)ที่อยู่ด้านทิศตะวันออก ด้านหลังพระอุโบสถคือวิหารพระนอน ซึ่งเป็นอาคารใหญ่ และด้านข้างขนาบด้วยวิหารพระนั่งและศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยแบบจีนโดยแท้
ดังนั้น เมื่อเราเข้าไปถึงบริเวณวัดราชโอรสารามฯ เราจะได้พบกับศิลปะแบบจีนผสมกับศิลปะแบบไทยอย่างลงตัวและกลมกลืน ประตูหน้าของวัดทำเป็นซุ้มประตูแบบจีน มีถะ (เจดีย์) ตั้งอยู่สองด้านของประตูทางเข้า ครั้นเมื่อเข้าไปในลานพระอุโบสถจะพบว่ามีเจดีย์ทรงปรางค์ตั้งอยู่ที่มุมกำแพง
จุดเด่นที่ชัดเจนของวัดคือหน้าบันพระอุโบสถที่เรียกว่าเป็นแบบพระราชนิยมในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งแตกต่างจากวัดประจำรัชกาลที่ 1 และ 2 อย่างชัดเจน โดยหน้าบันประดับด้วยเครื่องกระเบื้องจากจีน โดยประดับเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมงคล เช่น แจกัน หงส์ ผีเสื้อ เมฆ ดอกไม้ ทั้งนี้ที่หน้าบันไม่มีการประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ แต่อย่างใด ส่วนใบเสมารอบพระอุโบสถจะตั้งไว้ในซุ้มทรงเกี้ยว ซึ่งเป็นศิลปะแบบจีนที่เด่นชัดมาก
ส่วนทวารบาลหน้าพระอุโบสถนั้นทรงนำตุ๊กตาจีน ที่ทำจากกระเบื้องเคลือบ ซึ่งมีขนาดใหญ่มากมาตั้งไว้แทนการวาดรูปทวารบาลที่บานประตู ส่วนที่บานประตูด้านในวาดเป็นรูปเชี่ยวกาง (ทวารบาลแบบจีน) โดยด้านบานประตูด้านนอกมีรูปมังกรดั้นเมฆ โดยทำเป็นรูปแบบประตูประดับมุกส่วนพระประธานมีพระนามว่าพระพุทธอนันตคุณอดุลยญาณบพิตร ปางสมาธิประทับใต้พระนพปฎลมหาเศวตฉัตร (รัชกาลที่ 9 ทรงอุทิศถวายเมื่อปี 2504) ส่วนผ้าทิพย์ที่ด้านหน้าฐานชุกชีประดับรูปปราสาท ซึ่งเป็นตราประจำรัชกาลที่ 3 และที่ฐานชุกชีพระประธานได้ประดิษฐานพระบรมอัฐิ รัชกาลที่ 3 และประดิษฐานศิลาจารึกดวงพระชันษา รัชกาลที่ 4 ไว้ ผนังพระอุโบสถมีภาพเขียนเครื่องมงคลแบบจีน ส่วนผนังที่เป็นช่องว่างระหว่างประตูหน้าต่าง วาดรูปตำหนักแบบจีนและเทพเจ้าจีน
วิหารด้านหลังพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์พระนามว่าพระพุทธไสยาสน์นารถชนินทร์ ชินสากยบรม สมเด็จพระสรรเพชรพุทธบพิตร ส่วนอาคารที่ขนาบพระอุโบสถคือวิหารพระยืนและศาลาการเปรียญ (บางคนเรียกวิหารพระนั่ง)
วัดราชโอรสรามฯ นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของศิลปกรรมอันสืบเนื่องกับพระพุทธศาสนาของสยามประเทศ และนับเป็นต้นแบบของวัดในศาสนาพุทธที่นำเอาศิลปะแบบจีนเข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว และเป็นต้นแบบของศิลปะทำนองนี้ในราชอาณาจักรสยามในเวลาต่อมา
หากคุณสนใจจะร่วมศึกษาและซึมซับประวัติศาสตร์ และสถาปัตยกรรมที่ล้ำค่าของไทยเราไปด้วยกัน ด้วยการเข้าไปเที่ยวชมและกราบนมัสการสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และทั่วประเทศไทยกับทัวร์ของหนังสือพิมพ์แนวหน้า นำเที่ยวโดย Mr.Flower โปรดติดต่อที่หมายเลขโทรศัพท์091-7233615
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี