เครื่องประดับสำริด
จากโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชนเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นการจัดเสวนาทางวิชาการ เรื่อง “มิติใหม่การเล่าเรื่อง (คน) ยุคก่อนประวัติศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการเรียนในนิทรรศการใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร”กรมศิลปากรที่ผ่านมานั้นทำให้ได้เห็นการต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และงานประณีตศิลป์ของไทย จากส่วนจัดแสดงนิทรรศการไปยังกลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางการเสวนาทางวิชาการและระบบออนไลน์ และการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นของนักวิชาการ ประชาชนและผู้สนใจ เพื่อค้นหาแนวทางปรับปรุงพัฒนาการเรียนรู้จากพิพิธภัณฑ์ในอนาคต อันนำไปสู่การสร้างความตระหนัก รักหวงแหน อนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอีกทางหนึ่งด้วย โดยมีการบรรยายพิเศษ เรื่อง บทบาทแหล่งการเรียนรู้จากอดีตถึง ปัจจุบัน : การจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดย นายสมชาย ณ นครพนม ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากรที่ให้ความสำคัญว่าพิพิธภัณฑ์เป็นแหล่งเรียนรู้มาแต่แรกที่มีการจัดตั้งและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนโครงกระดูกคนก่อนประวัติศาสตร์จากบ้านเก่าที่รู้จักดีคือ ลุงผี ย้ายการจัดให้คนชมหลายครั้ง วันนี้ก็ยังรอคอยเล่าขานตำนานของตนอยู่และการเสวนาทางวิชาการ เรื่อง มุมมอง ข้อคิดและการเล่าเรื่องจากนิทรรศการใหม่ “คนแรกเริ่มยุคก่อนประวัติศาสตร์” โดยคณะวิทยากรที่มีการบรรยายและอธิบายเรื่องราวในการนําชมในห้องก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทยที่จัดใหม่ในอาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร แล้วจบลงด้วยการเสวนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ความทันสมัยของคนโบราณ (ที่ไม่โบราณ) ในวัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์ โดยมี รศ.ดร.ธนิก เลิศชาญฤทธิ์, ดร.ผุสดี รอดเจริญ, ดร.กีร์ เวนุนันท์ เป็นวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะโบราณคดีมหาวิทยาลัยศิลปากร และ น.ส.นิชนันท์ กลางวิชัย,น.ส.พรศิริ เลิศเสถียรชัย, นายยุทธนาวรากร แสงอร่าม, น.ส.ศุภวรรณ นงนุช ภัณฑารักษ์จากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ กรมศิลปากร ร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ที่สามารถให้เรียนรู้จากการจับต้องทดลองทำจากสิ่งของและวัตถุที่นำมาจัดปฏิบัติการทดลอง ให้เหมือนกับคนโบราณได้ทำไว้ในยุคก่อนที่ทุกคนได้ดูจากของจริงในห้องแสดงของพิพิธภัณฑ์ฯ อันเป็นแนวทางหนึ่งของการถอดบทเรียนให้เข้าถึงการเรียนโดยกว้างของพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ที่มีการจัดกันอยู่ทั่วประเทศ
ห้องก่อนประวัติศาสตร์
ด้วยเหตุที่พื้นที่ประเทศไทยก่อตั้งอาณาจักรไทยในสมัยพุทธศตวรรษที่ ๑๘ นั้นเป็นพื้นที่ของคนยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มีนักโบราณคดี ดอกเตอร์แวนฮิกเกอเรนและ นายแพทย์สุด แสงวิเชียร และศาสตราจารย์ชินอยู่ดี ได้แบ่งยุคก่อนประวัติศาสตร์ในดินแดนประเทศไทยไว้ ๔ สมัย คือสมัยหินเก่า (Paleolithic)คือ ยุคที่มีอายุระหว่าง ๕๐๐,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ ปี ล่วงมาแล้วสมัยหินกลาง (Mesolithic) คือช่วงเวลาระหว่าง๑๐,๐๐๐-๕,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว สมัยหินใหม่(Neolithic) คือช่วงเวลาระหว่าง ๕,๐๐๐-๒,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้วและสมัยโลหะ (Metal) ซึ่งมีการแบ่งออกเป็น ๒ ช่วง คือ ยุคสำริด และยุคเหล็กแต่การศึกษานั้นยังไม่อาจจำแนกเป็น ๒ ยุคดังกล่าวได้ชัดเจน ดังนั้น การเรียนรู้ในปัจจุบันแม้จะมีการปรับให้สอดคล้องกับการค้นพบทั้งในไทยและต่างประเทศก็ยังจำเป็นต้องขยายการเรียนรู้ที่ทำให้รู้สึกได้ถึงการคิดและการสร้างโบราณวัตถุไม่ว่าจะเป็นภาชนะดินเผา ขวานหินการสร้างเครื่องมือจากโลหะ และการทำเครื่องประดับเช่นลูกปัด เป็นต้น...ล้วนเป็นสิ่งที่ค้นพบและจัดแสดงขึ้นใหม่ให้ได้ความรู้ที่ชัดเจนต่อการเรียนรู้และถอดบทเรียนมากขึ้นนับเป็นบทบาทใหม่ของพิพิธภัณฑ์ที่ต่อยอดให้เกิดต่อการเรียนรู้ที่เปลี่ยนแปลงจากบทบาทเดิมๆ ของตนเอง จากก่อนนั้นจัดตั้งวางสิ่งของให้ดู มาเป็นมิติการเปิดโลกทัศน์ของการเรียนรู้ ที่มีวิทยากรผู้รู้ภายนอกไปพร้อมกันภัณฑารักษ์ ที่เป็นมิติใหม่ที่เริ่มจากการอนุรักษ์ สืบสานและต่อยอดองค์ความรู้ร่วมกัน ให้เข้าชมโดยทั่วไป โดยมีทั้งจัดวิทยากรนำชมและอธิบายแต่ละห้องหรือเข้าชมเรียนรู้ด้วยตัวเองแล้วไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มจากหนังสือของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ กรมศิลปากร ต้องขอบคุณนางสาวนิตยากนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และ คุณนิภา สังคนาคินทร์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติพระนคร ผู้ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ที่เป็นมิติใหม่ขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี