สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และ โรช ไทยแลนด์ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการ การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องที่บ้าน (Continuum of Personal Home-based Cancer Care) โดยมี นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการ สถาบันมะเร็ง ลงนามร่วมกับ มร.ฟาริด บิดโกลิ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โรช ไทยแลนด์ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว เพื่อนำร่องความร่วมมือในการดูแลระบบสุขภาพไทยอย่างไร้รอยต่อ
โครงการการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องที่บ้าน มีวัตถุประสงค์เพื่อรับมือกับอุบัติการณ์ของโรคมะเร็งที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปีพ.ศ.2553 และปัญหาการกระจุกตัวของการบริการในระบบสาธารณสุข ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการปรับรูปแบบการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งจากภายในโรงพยาบาล (hospital-based) ไปสู่ที่บ้านของผู้ป่วยแต่ละราย (personal home-based) ย่อมส่งผลดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ลดความแออัดในโรงพยาบาล ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางของผู้ป่วยและผู้ดูแล ลดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยมะเร็งซึ่งมีภูมิคุ้มกันต่ำอาจสัมผัสหรือติดเชื้อ สร้างความต่อเนื่องของการได้รับยาตามนัดหมาย รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในใช้ทรัพยากรของระบบสาธารณสุข
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการ สถาบันมะเร็ง กล่าวว่า กรมการแพทย์โดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักในการดูแลสุขภาพด้านโรคมะเร็งของประชาชนไทย ข้อมูลจากรายงานสำรวจเวลาที่ใช้อยู่ในโรงพยาบาล พบว่า ผู้ป่วยมะเร็งที่เป็นผู้ป่วยนอกต้องใช้เวลาเฉลี่ยอย่างน้อย 5 ชั่วโมงขึ้นไปต่อการมาพบแพทย์และรอรับยากลับบ้านในแต่ละครั้ง นอกจากระยะเวลาและผลิตผลในการทำงานที่ผู้ป่วยต้องเสียไปแล้ว ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากยังมีความกังวลต่อการสัมผัสกับเชื้อต่างๆ ระหว่างเดินทางหรือภายในโรงพยาบาล เพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานของรัฐที่มีพันธกิจในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยีด้านโรคมะเร็งเพื่อมอบบริการทางการแพทย์ในรูปแบบใหม่ๆที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องการการดูแลและได้รับยาอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสเข้าถึงการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรอย่างไร้รอยต่อ โดยแสวงหาแนวทางปรับรูปแบบการบริการจากภายในโรงพยาบาล (hospital-based medical service) ไปสู่การดูแลรักษาที่บ้านของผู้ป่วยแต่ละคน (personal home-based medical service) สถาบันมะเร็งจึงมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมมือในโครงการการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องที่บ้าน (The Continuum of Personal Home-based Cancer Care) ดังเช่นที่เคยร่วมมือในโครงการให้ยาเคมีบำบัดทางหลอดเลือดดำส่วนกลางที่บ้าน ซึ่งนำร่องไปก่อนหน้านี้แล้ว
บันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ ยังได้รับความมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน โรช ไทยแลนด์ ที่สนับสนุนองค์ความรู้จากการดำเนินงานในประเทศสิงคโปร์และด้านการวางระบบขนส่ง (logistics) เพื่อให้การจัดเตรียมยาและเดินทางทางไปยังบ้านของผู้ป่วยแต่ละรายเกิดขึ้นได้จริงภายใต้บริบทของระบบสาธารณสุขไทย โดยจะเน้นไปที่การปรับบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาล (hospital-based) ไปสู่การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องที่บ้าน ( Personal home-based) อย่างไร้รอยต่อ เพื่อกระจายการให้บริการทางการแพทย์และการให้ยาแก่ผู้ป่วยมะเร็ง ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่จำเป็นอย่างต่อเนื่อง ณ สถานที่ของผู้ป่วย
“สถาบันมะเร็งแห่งชาติได้เตรียมความพร้อมในการจัดบริการนำร่องนี้ โดยเป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ และหน่วยงานภาคเอกชน ซึ่งต่างก็มีบทบาทและความมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งให้ดีขึ้น เพราะผู้ป่วยมะเร็งนอกจากจะต้องทนต่อความทุกข์ทรมานจากโรคแล้ว ยังต้องแบกรับความกังวลใจอีกมาก เช่น การเดินทางเข้ามารับบริการภายในโรงพยาบาล การพึ่งพาลูกหลานที่อาจต้องขาดงานมาดูแล จนบางครั้งผู้ป่วยมะเร็งอาจไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การพยากรณ์ของโรคแย่ลง
การลงนามบันทึกข้อตกลงวันนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่ความเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งไปสู่รูปแบบใหม่และสามารถขยายรูปแบบบริการได้ในอนาคต เพื่อช่วยลดภาระการเดินทางของผู้ป่วย ลดระยะเวลารอคอยในโรงพยาบาล ลดความแออัดในโรงพยาบาล และเพิ่มความพึงพอใจทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ ดังนั้น ความร่วมมือที่จะผลักดันการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งให้เกิดขึ้นที่บ้านของผู้ป่วยแต่ละรายนั้น จึงถือเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งให้ดียิ่งขึ้น”
ด้านการดำเนินงานโครงการการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องที่บ้าน แพทย์หญิงแทนชนก รัตนจารุศิริ กลุ่มงานเคมีบำบัด สถาบันมะเร็งแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า โครงการการดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งอย่างต่อเนื่องที่บ้าน เป็นโครงการที่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วย โดยจะเริ่มนำร่องกับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม ที่อยู่ในความดูแลของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ และอาจขยายผลไปยังมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้ หากมีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์และสมัครใจเข้าร่วมโครงการ คาดว่าโครงการจะเริ่มดำเนินการได้ราวเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 และจะมีผู้ป่วยมะเร็งประมาณ 15-20 ราย จากโครงการนำร่องนี้ เมื่อศึกษาความเป็นไปได้และประโยชน์ของโครงการต่อระบบสาธารณสุขแล้วอาจมีการพิจารณาขยายขอบเขตและปรับปรุงวิธีการให้บริการในลำดับถัดไป
ตัวแทนจากภาคเอกชนที่ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือครั้งนี้ มร.ฟาริด บิดโกลิ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โรช ไทยแลนด์ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว กล่าวว่า โรช ไทยแลนด์ ภูมิใจที่ได้นำประสบการณ์การดูแลรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่บ้านอย่างไร้รอยต่อจากแพทย์และพยาบาลจากในประเทศสิงคโปร์ มาถ่ายทอดให้สถาบันมะเร็งแห่งชาตินำไปประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของระบบดูแลสุขภาพในประเทศไทย เรามุ่งมั่นที่จะให้ความร่วมมือด้านการวางระบบขนส่ง (logistics) เพื่อให้การจัดเตรียมยาและเดินทางทางไปยังบ้านของผู้ป่วยแต่ละรายเกิดขึ้นได้จริง โดยในอนาคตเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การดำเนินงานของระบบดูแลสุขภาพของประเทศไทยจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ คลายความกังวลใจด้านต่างๆ และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี