สถานการณ์ PM2.5 ที่กำลังวิกฤตในช่วงนี้มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของทุกคนไม่น้อย ยิ่งคนที่เป็นภูมิแพ้ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุด้วยแล้ว ยิ่งมีผลกระทบมากขึ้นไปอีก
PM2.5 นอกจากทำให้เราแสบจมูก แสบคอ หายใจไม่สะดวก คันตา คันจมูก คันผิวหนัง แล้ว ฝุ่น PM2.5 นี้มีผลโดยตรงต่อระบบหายใจ และปอด ในบางรายทำให้เกิดภาวะจับหืดได้
นอกจากนี้ยังส่งผลต่อสุขภาพในระบบอื่น เช่น ระบบหัวใจและหลอดเลือด และยังเป็นสาเหตุของมะเร็งอีกด้วย เนื่องจากใน PM2.5 มีองค์ประกอบด้วยสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอยู่หลายชนิด และบางชนิดก็เป็นสารก่อมะเร็งโดยไปเกิดปฏิกิริยากับ DNA และเป็นพิษต่อเซลล์โดยตรง เช่น สารประกอบซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ จำพวกไฮโดรคาร์บอน PAHs (Polycyclic Aromatic Hydrocarbons)
ดังนั้นระหว่างรอฟ้าเปิดตามธรรมชาติ เราลองมาดูกันว่าภาคครัวเรือนอย่างพวกเรา จะต้องตั้งรับกับปัญหานี้ได้อย่างไร
จุดเริ่มต้นที่ดีคือ เราควรรู้เท่าทันต่อสถานการณ์ ตื่นเช้ามาควรเช็คเลยว่าคุณภาพอากาศของพื้นที่ละแวกบ้านเราเป็นอย่างไร พื้นที่ที่เราต้องไปทำงาน ไปธุระเป็นอย่างไร ถ้าสามารถ Work from Home ได้ก็ทำงานจากบ้านดีที่สุด เพื่อลดการเดินทาง จะได้ไม่ต้องผจญกับฝุ่นพิษ และผลพลอยได้คือลดการเผาไหม้จากระบบการทำงานของยานพาหนะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิด PM2.5
ต่อมาเราก็มาดูแลระบบอากาศภายในบ้านให้ดีถ้าเป็นไปได้ ช่วงนี้ปิดประตูหน้าต่างกันฝุ่น ถ้าพอมีงบประมาณพอ อาจพิจารณาหาเครื่องกรองอากาศมาไว้ใช้ เพื่อลดปริมาณฝุ่นจิ๋วในบ้าน โดยเฉพาะบ้านที่มีคนป่วยที่จะได้รับผลกระทบต่อฝุ่นแบบนี้มากเป็นพิเศษ และที่สำคัญคือควรงดกิจกรรมกลางแจ้งที่เพิ่มโอกาสสัมผัส PM2.5
แต่ถ้าหากเริ่มมีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อพิจารณาว่าต้องกินยาแก้แพ้เพื่อบรรเทาหรือป้องกันอาการที่เกิดขึ้นหรือไม่ ส่วนผู้ที่เจ็บป่วย หรือมีปัญหาสุขภาพ กระทั่งผู้ที่ดูแลผู้ป่วยอยู่แล้ว ต้องสังเกตเป็นพิเศษ เพราะ PM2.5 ส่งผลต่อสุขภาพคนเหล่านี้มากและอาจทำให้อาการของโรคแย่ลง อาจต้องไปพบแพทย์โดยด่วน
สำหรับคนที่กรณีที่เลี่ยงไม่ได้ ต้องทำงานกลางแจ้งในช่วงที่คุณภาพอากาศไม่ดีมากๆ ก็ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่เพียงพอได้แก่ หน้ากากอนามัยที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับ N95 ส่วนหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาหรือหน้ากากผ้านั้นไม่เพียงพอสำหรับกันฝุ่น PM2.5
การเลือกซื้อหน้ากาก N95 นั้น หน้ากากต้องพอดีกับใบหน้า ปกปิดได้มิดชิด สวมแล้วไม่มีช่องว่างโดยในช่วงที่คุณภาพอากาศเป็นสีส้มนั้น ผู้ทำงานกลางแจ้งควรสวมใส่หน้ากาก N95 ไว้ตลอดเวลา ส่วนกรณีที่คุณภาพอากาศแย่มากถึงขั้นสีแดง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยและองค์กรวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง แนะนำว่าแม้จะสวมใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลาแล้วก็ไม่ควรปฏิบัติงานกลางแจ้งนานติดต่อกันเกิน 1 ชั่วโมง
โดยสรุป ท่ามกลางวิกฤตฝุ่นพิษ ในฐานะประชาชนสิ่งที่เราทำได้คือเช็คค่าฝุ่น หาวิธีการป้องกันฝุ่นตามที่เราทำได้ วางแผนการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ลดความเสี่ยงการออกไปสัมผัสฝุ่น การดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และการรับประทานผักผลไม้ที่หลากหลายก็ช่วยจัดการกับอนุมูลอิสระต่างๆ ที่เกิดจากการได้รับ PM2.5 ได้ด้วย แต่หากรู้สึกว่าฝุ่นเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรไปพบแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อพิจารณาหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนที่เหลือคงต้องรอให้มีมาตรการระดับภูมิภาคร่วมแก้ไขและป้องกันปัญหากันต่อไป
รศ.ภญ.ดร.ณัฏฐดา อารีเปี่ยม และผศ.ภก.ดร.บดินทร์ ติวสุวรรณ
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี