อจิรภา ไมซิงเกอร์, อนุสิทธิ แสงนิ่มนวล, อนิพรณ์ เฉลิมบูรณะวงศ์
ให้ทุกสไตล์ถูกเติมเต็มด้วยนาฬิกาเรือนโปรด ล่าสุด “มิโด” (MIDO) แบรนด์นาฬิกาชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ในเครือ เดอะ สวอท์ช กรุ๊ป เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) นำโดย ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม ผู้อำนวยการผลิตภัณฑ์ “มิโด” (MIDO) ประเทศไทย ได้จัดงาน “MIDO Novelties Presentation 2023” อวดโฉมประสิทธิภาพเรือนเวลาหรูจาก 7 คอลเลคชั่นน่าสะสมแห่งปีที่หอศิลป์บ้านจิมทอมป์สัน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ภาณุวัฒน์ ทองพุ่ม กล่าวว่า “งานครั้งนี้เราจัดขึ้นเพื่อต้องการเผยโฉมนาฬิการุ่นไอคอนิกประจำปีนี้ซึ่งมีทั้งหมด 7 คอลเลคชั่นด้วยกัน และยังคงตอกย้ำจุดยืนอันแข็งแกร่งของแบรนด์มิโดที่เป็นแบรนด์นาฬิกาสวิสคุณภาพสูงที่เข้าถึงได้อย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละคอลเลคชั่นยังคงความโดดเด่นด้านงานดีไซน์ที่สามารถตอบโจทย์ทุกสไตล์ของผู้สวมใส่เอาไว้ได้เป็นอย่างดีแต่ในขณะเดียวกันฟังก์ชั่นการใช้งานก็สามารถตอบสนองกับทุกกิจกรรมได้ เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำหรือนักกิจกรรมตัวยง รวมไปถึงเรือนที่เหมาะสำหรับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน หรือนาฬิกาสำหรับผู้หญิงที่สามารถผสานความงดงามด้านดีไซน์และฟังก์ชั่นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าไอคอนิกทั้ง 7 คอลเลคชั่นประจำปีนี้จะถูกใจและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจให้กับทุกไลฟ์สไตล์ของเหล่าคนรักนาฬิกาทุกคน”
ประเดิมด้วยรุ่นไฮไลท์ มัลติฟอร์ท เอ็ม โครโนมิเตอร์ (Multifort M Chronometer) นับเป็นเรือนเวลาชิ้นเยี่ยม ผ่านการรับรองโดยสถาบันทดสอบความเที่ยงตรงของนาฬิกาแห่งสวิตเซอร์แลนด์ โดยตัวเรือนถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก อัตโนมัติคาลิเบอร์ 80 ที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง พร้อมซิลิคอน บาลานซ์สปริง แม่นยำทนทานต่อสนามแม่เหล็ก มาพร้อมตัวเรือนและสายจากสเตนเลสสตีลที่มีความทนทานเป็นพิเศษ หน้าปัดทรงกลมสีเขียวที่มีการไล่ระดับสีเขียวบริเวณตรงกลางกระจายออกไปด้านข้างกระทั่งกลายเป็นสีดำบริเวณรอบหน้าปัด สามารถกันน้ำลึกในระดับ 100 เมตร
ถัดมาที่ มัลติฟอร์ท เอ็ม (Multifort M) เรือนเวลาหน้าปัดขัดซาตินแนวตั้งพร้อมพื้นผิวไล่ระดับจากสีน้ำเงินไปจนถึงสีดำ มาพร้อมพรายน้ำเรืองแสงสีเขียวอมฟ้า และมีช่องแสดงวันและวันที่ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ประกอบกับกระจกคริสตัลแซฟไฟร์ที่มีการป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้านช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งรูปลักษณ์ที่โดดเด่นได้ถูกจับคู่มาอย่างชาญฉลาดกับกลไกที่ทนทานและทันสมัย ด้วยระบบการขับเคลื่อนคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) ที่สำรองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง
ต่อมาที่ โอเชียน สตาร์ ดีคอมเพรสชั่น เวิลด์ไทม์เมอร์ สเปเชียล อิดิชั่น (Ocean Star Decompression Worldtimer Special Edition) นาฬิกาดำน้ำ ที่มาพร้อมฟังก์ชั่น GMT และขอบหน้าปัดที่แสดงเวลาจากทั่วโลกผ่าน 2 ดีไซน์ประสิทธิภาพสูง ตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงาที่แข็งแรงทนทาน บนหน้าปัดพื้นหลังสีน้ำเงินเข้ม สลักโลโก้ “Mido” แบบดั้งเดิม แสดงเวลาการบีบอัดของน้ำที่ระดับความลึก 6 เมตร ซึ่งบ่งบอกจากมาตรวัดวงกลมสีเหลือง สีเขียว สีชมพู และสีน้ำเงิน ที่อยู่บนหน้าปัด พร้อมขอบหน้าปัดแบบหมุนได้จากวงแหวนอะลูมิเนียมสีน้ำเงิน และมีลูกศรสีแดงเพื่อระบุเขตเวลาในการเดินทาง รวมถึงเข็มชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการเจียระไนเป็นทรงเหลี่ยมเพชร
สำหรับ บารอนเชลลี โครโนกราฟ มูนเฟส (Baroncelli Chronograph Moonphase) เรือนเวลาที่มาพร้อมความสง่างามสุดคลาสสิก พร้อมฟังก์ชั่นโครโนกราฟมูนเฟส จากเครื่องคาลิเบอร์ A05.221 (Caliber A05.221) ที่สำรองพลังงานสูงสุดได้ 60 ชั่วโมง ในฝาหลังแบบเปลือย และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (NivachronĬ) ที่มีคุณสมบัติในการต้านทานต่อสนามแม่เหล็กและแรงกระแทก ที่มาใน 2 ดีไซน์บนตัวเรือนสเตนเลสสตีลขัดเงา หน้าปัดซันเรย์ขัดซาตินสีน้ำเงิน ที่เข้าคู่กับสายยางสีน้ำเงิน และตัวเรือนเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ จับคู่มากับสายยางสีดำ พร้อมครอบกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารกันแสงสะท้อนแบบสองชั้นสองด้าน
คอลเลคชั่นต่อมา มัลติฟอร์ท พาวเวอร์ไวด์ (Multifort Powerwind) การกลับมาของเรือนเวลาสไตล์วินเทจเรือนใหม่ที่ยังคงกลิ่นอายความย้อนยุคเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ พร้อมผสานกลไกคาลิเบอร์ 80 (Caliber 80) สำรองพลังงานสูงสุดถึง 80 ชั่วโมง และบาลานซ์สปริงนิวาครอง (NivachronĬ) พร้อมตำแหน่งบอกเวลาที่บริเวณ 6 นาฬิกา โดยดีไซน์หน้าปัดแบบซันเรย์ขัดซาตินทรงโดม ในขนาด 40 มม. โดดเด่นด้วยตัวเลขอารบิกที่ใช้ในการอ่านค่าเวลาพร้อมเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา
ส่วนนาฬิกาสำหรับผู้หญิง “มิโด” (MIDO) ได้เปิดตัวมา 2 คอลเลคชั่นด้วยกัน ได้แก่ โอเชียน สตาร์ นีเรีย (Ocean Star Nerea) นาฬิกาดีไซน์สปอร์ต ที่มาพร้อมขอบเบเซลทรงโดมแบบหมุนได้ ผลิตจากวัสดุที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี โดยมีทั้งแบบหน้าปัดสีน้ำเงินและสีดำซันเรย์ขัดซาตินเคลือบสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา บริเวณเข็ม และตัวเรือนมีทั้งแบบที่ผลิตจากสแตนเลสสตีลพร้อมสายสเตนเลสสตีล และตัวเรือนแบบ PVD เคลือบโรสโกลด์ ประดับด้วยเพชรแท้ 11 เม็ด โก้หรู และ คอมมานเดอร์ เลดี้ (Commander Lady) ตัวเรือนเหล็กสเตนเลสขัดซาตินและขอบตัวเรือนขัดเงา ครอบด้วยกระจกแซฟไฟร์แบบเหลี่ยมเพชร บนหน้าปัดสีอ่อนซันเรย์แบบทวิสต์ ที่ประดับด้วยอินเด็กซ์แบบขีดหรือแบบเพชร 11 เม็ด โดยมีอีกหนึ่งดีไซน์พิเศษบนหน้าปัดสีขาวมุก (Mother of Pearl) พร้อมประดับเพชร 11 เม็ด ตัวสายมีทั้งสายเหล็กสเตนเลสอันเป็นเอกลักษณ์และสายหนังสุดคลาสสิก
พบกับเรือนเวลาหรูจากแบรนด์ “มิโด” (MIDO) ได้แล้ววันนี้ที่เคาน์เตอร์ “มิโด” (MIDO) เซ็นทรัล, โรบินสัน, เดอะมอลล์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ MIDO Official Store ใน Shopee และ Lazada และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.midowatches.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี