เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2566 Mr.Flower เพิ่งพาสมาชิก 45 คน นั่งเรือจากปากน้ำสมุทรปราการไปเที่ยวเกาะสีชัง หลายคนเบิกบานชื่นมื่น แต่บางคนก็เมาเรือเมาคลื่นจนยืนแทบไม่อยู่
การนั่งเรือจากปากน้ำไปถึงเกาะสีชังเป็นเรื่องใหม่สุดวิเศษสำหรับคนที่นั่งเรือนานๆ แล้วไม่มีอาการเมาเรือ เพราะได้เห็นบ้านเมืองจากเขตปากน้ำ แล้วก็ได้เห็นสภาพของท้องทะเลในเขตอ่าวไทย ได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ ได้เห็นเรือสินค้านานาชนิดทั้งใหญ่และน้อยลอยล่องในท้องนที หลายคนเพลิดเพลินกับการนั่งโต้ลมบนเรือที่โต้ไปบนคลื่นขนาดเล็กๆ
เราใช้เวลาแล่นเรือประมาณ 3 ชั่วโมงกว่า(เกือบ 4 ชั่วโมง) ก็เดินทางถึงเกาะสีชัง ระหว่างอยู่บนเรือก็พูดคุยสรวลเสเฮฮาประสาทะกันสารพัดเรื่องราว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ สังคม การบ้านการเมือง ศิลปวัฒนธรรม บทเพลงต่างๆ ทั้งไทยและเทศ รวมถึงพูดคุยถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ แล้วนำเรื่องอาหารการกินสารพัดสารพันมาเล่าสู่กันฟัง
ครั้งแรกตั้งใจไว้ว่าเมื่อเรือออกจากฝั่งได้สัก 1 ชั่วโมง หลังจากสมาชิกได้รับประทานอาหารเช้า ขนมนมเนย ของกินประดามีจนอิ่มหนำสำราญเบิกบานอุราแล้ว ก็จะชวนกันรำวง ฟ้อนรำ และเริงระบำบนเรือ แต่ปรากฏว่าเรือเกิดอาการโคลงเคลงพอประมาณ ยามต้องโต้ลมและคลื่น ก็เลยจำต้องงดการเริงระบำรำฟ้อน เพราะเกรงว่าหากมีผู้ใดพลาดพลั้งเสียหลัก หกคะเมนตีลังกาขึ้นมา จะเกิดความโกลาหลในบัดดล ก็เลยใช้การเปิดเพลง แล้วเล่าเรื่องต่างๆ ผสมผสานกันไป
นั่งฟังเพลง ฟังเรื่องราวที่ชวนคุยสารพัดเรื่อง สมาชิกก็กินกันไปตลอดทาง จนเรือไปถึงเกาะสีชัง ก็พาไปกินข้าวเที่ยง (แต่มีบทเรียนเรื่องกินข้าวเที่ยงบนเกาะสีชัง เพราะแต่ละคนสั่งคนละแบบ เมื่อสั่งกันมากมายเช่นนี้ ก็ทำให้ต้องเสียเวลารออาหารจานเฉพาะของแต่ละคนเป็นเวลานานมาก แต่ก็ดีตรงที่ว่าได้กินของที่อยากกินจริงๆ แต่ปัญหาคือมันก็กินเวลาเที่ยวไปด้วย)
กินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไปชมพระจุฑาธุชราชฐาน (พระราชวังเกาะสีชัง) ไปตำหนักหรือเรือนที่ยังหลงเหลืออยู่ เช่น เรือนวัฒนาเรือนเสาวภา เรือนอภิรมย์ แล้วก็ไปชมเรือนเขียวแล้วก็พาสมาชิกที่ยังมีแรงเดินไปชมวัดอัษฎางคนิมิตรวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น วัดนี้มีความพิเศษคือมีพระอุโบสถเล็กกะทัดรัดพระอุโบสถมีหลังคาคือพระเจดีย์สีขาว เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
และเมื่อใครก็ตามที่ไปถึงพระจุฑาธุชราชฐาน ก็ต้องไปชักภาพกับสะพานอัษฎางค์ ด้วยกันทุกคน เพราะเป็นจุดที่เด่นที่สุดของพระราชฐาน เป็นสะพานทอดยาวลงไปในทะเล ศิลปะการก่อสร้างแบบหลังคาปั้นหยา มีแนวรั้วกันคนตกน้ำแบบโปร่งๆ ทั้งหมดทาด้วยสีขาว จึงตัดกับสีครามของน้ำทะเลได้อย่างงดงาม
หลายคนสงสัยว่าทำไมจึงพระราชทานนามว่า พระจุฑาธุชราชฐาน ตอบว่า เพราะเกาะสีชังคือสถานที่ประสูติของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย
กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราไชย เคยทรงรับราชการเป็นพระอาจารย์สอนหนังสือที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อยู่ระยะเวลาหนึ่ง
เกาะสีชังคือเกาะเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยที่มีพระที่นั่ง และพระตำหนักก่อสร้าง ด้วยเหตุที่เกาะอยู่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯ มากจนเกินไปนัก จึงทรงเลือกเกาะนี้
เป็นสถานที่ใช้สำหรับทรงพักฟื้นพระวรกายหลังจากทรงหายอาการพระประชวร
(ขอบคุณภาพสวยๆ จากสมาชิกร่วมทริปสีชัง)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี