รายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ทาง TNN 2 โดย 2 พิธีกร “ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์” และ “เล็ก-กรกนก ยงสกุล” พาไปพูดคุยกับ “ฤทธี บุนนาค” รองผู้อำนวยการโครงการกาแฟอราบิก้า ถึงผลผลิตใหม่ๆ จากโครงการหลวง ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ 44 ปีที่แล้ว เพื่อให้ชาวเขาเลิกปลูกฝิ่นแล้วหันมาปลูกผัก-ผลไม้ ที่นำเมล็ดพันธุ์มาจากต่างประเทศ สร้างรายได้ให้ชาวเขาเป็นกอบเป็นกำ
ฤทธี เล่าว่า เขาเป็นรองผู้อำนวยการโครงการกาแฟอราบิก้า สิ่งที่ทำก็คือ ดูแลเรื่องการซื้อกาแฟจากชาวบ้านแล้วเรานำไปขายซึ่งมีอยู่ 2 ส่วน คือที่เป็น กรีตีน แล้วก็เป็นกาแฟคั่ว แล้วผมก็เป็นที่ปรึกษาของฝ่ายการตลาดด้วย ก็คือช่วยขายผักและผลไม้ต่างๆ ของโครงการหลวงให้กับเชฟตามโรงแรมต่างๆ
“นอกจากนี้ โครงการหลวง ก็ยังมีการช่วยเหลือชาวบ้าน ช่วยเหลือเกษตรกร รับซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆ คืออย่างแรกเลยเราจำอิมพอร์ตเมล็ดพันธุ์ต่างๆ เข้ามาจากต่างประเทศ สมมุติว่าผักอย่างหนึ่ง เราก็เอาเมล็ดพันธุ์หลายๆ แบบเข้ามา มาลองปลูกดูหลายๆ พื้นที่ ดูว่าที่ไหนที่สามารถปลูกได้ดี ต้องอุณหภูมิเท่าไหร่ อากาศเป็นอย่างไร พอเราทำสำเร็จแล้วเราก็เอาไปให้ชาวบ้าน แล้วเราก็ขายเมล็ดพันธุ์ไปให้ชาวบ้านปลูก พอเขาปลูกเสร็จปุ๊บเราก็ทำตลาดให้เขา เหมือนเรารับซื้อจากชาวบ้านในราคาที่แฟร์ แล้วเราก็จะเอามาขายให้ ก็มีในร้านโครงการหลวง หรือแม้กระทั่งปั๊มน้ำมัน ห้างสรรพสินค้าต่างๆก็เป็นลูกค้าเรา
ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็จะอยู่ทางภาคเหนือ จะมี เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แม่ฮ่องสอน ที่เราช่วยอยู่ เราจะช่วยแต่ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่สูงเป็นส่วนใหญ่ โครงการหลวงมีศูนย์ที่ทำงานกับชาวบ้านทั้งหมด 38 ศูนย์ ส่วนเรื่องวิจัยที่เราทำมาแล้วพัฒนาคุณภาพได้ดี ยกตัวอย่าง สตรอเบอร์รี่ เราโชคดีมากที่มีอาสาสมัคร นำทีมโดย อ.ณรงค์ชัย ตอนนี้เป็นรองอธิการบดีอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯ อ.ณรงค์ชัย จบ PSD ด้านสตรอเบอร์รี่จากญี่ปุ่น ก็มาช่วยงานสตรอเบอร์รี่ให้โครงการหลวง แล้วเราก็โชคดีไปกว่านั้นอีกคือ อาจารย์ที่สอน อ.ณรงค์ชัย พอท่านเกษียณแล้วมาอยู่เชียงใหม่ ก็มาเป็นอาสาสมัครช่วยโครงการหลวง พัฒนาสตรอเบอร์รี่ให้ดียิ่งขึ้น ตอนนี้เราก็มีการพัฒนาพันธุ์ ปรับปรุงพันธุ์ให้กรอบขึ้น ให้หวานขึ้น เราหวังว่าวันหนึ่งคุณภาพเราจะไม่แพ้กับสตรอเบอร์รี่ดีๆของญี่ปุ่น”
ฤทธี เล่าอีกว่า โครงการหลวงตั้งขึ้นเมื่อ 44 ปีที่แล้ว เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ทรงขึ้นไปบนดอยแล้วเห็นว่าชาวบ้านชาวเขาปลูกฝิ่น แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้รวยกันเลย เขาจนมาก แต่คนที่รวยก็คือ พ่อค้าที่มารับฝิ่นไปขาย แล้วพระองค์ท่านก็ทรงเล็งเห็นว่าการที่ปลูกฝิ่นต้องทำไร่เลื่อนลอยหมายถึงว่าปีนี้ปลูกตรงนี้ พอปลูกปุ๊บอาหารที่อยู่บนดินก็หายไปหมดแล้ว ชาวบ้านก็ต้องไปเผาป่าเพิ่มเพื่อที่จะปลูกในที่ต่างๆ ฉะนั้นชาวเขาพวกนี้จะอยู่ไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง พระองค์ท่านก็เลยทรงตั้ง โครงการหลวง ขึ้นมา โดยที่ว่าถ้าวันหนึ่งชาวเขาพวกนี้สามารถปลูกผักที่เราต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ เป็นผักที่มีราคาสูงได้ วันนั้นเขาจะเลิกปลูกฝิ่น แล้วเราก็ทำอย่างนั้นมาทั้งหมด 44 ปีแล้ว วันนี้เราสามารถบอกได้ว่า ในพื้นที่ที่เราดูแลอยู่บนดอยก็ไม่มีการปลูกฝิ่นแล้ว
“ในเรื่องของผลผลิต เสียงตอบรับจากประชาชนก็ดีครับ แต่ว่าก็มีผักหลายอย่างที่เราทำมานานแล้ว และประชาชนอาจจะ
ไม่รู้จักกันเท่าไหร่ แต่ว่าปีนี้ของจะออกมาค่อนข้างเยอะก็คือ กะหล่ำปลีหัวใจ กะหล่ำปลีสีแดง แตงกวาญี่ปุ่น ฟักทองญี่ปุ่น หรือบีทรูท แล้วก็มีกะหล่ำกลม ต้นหอมญี่ปุ่น ฯลฯ และที่เป็นสินค้าใหม่ค่อนข้างได้รับความนิยมแล้วจะมีขายมากขึ้นก็คือ ชาสมุนไพรโสม
เราก็พยายามที่จะทำคุณภาพให้ดีขึ้น ในราคาที่ถูกกว่าที่นำเข้าจากต่างประเทศ แล้วก็พยายามจะมีผลผลิตใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ ปีหน้าเราจะมีสตรอเบอร์รี่พันธุ์ใหม่ แล้วก็จะมีลูกพีช น่าจะออกมาเยอะเหมือนกัน”เรื่องราวดีๆ ที่ครบครันทั้งสาระและบันเทิงแบบนี้ มีให้ชมในรายการ “ผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 16.00-16.25 น. ทาง TNN 2 หรือ True Visions 8 หรือชมรายการย้อนหลังได้ที่ Youtube ผู้หญิงแนวหน้า by คุณแหน
สองพิธีกร “รายการผู้หญิงแนวหน้ากับคุณแหน” เล็ก-กรกนก ยงสกุล และ ขิม-ทิพย์ลดา พูนศิริวงศ์ กับ ฤทธี บุนนาค
ฤทธี บุนนาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี