วันศุกร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ การค้าขายระหว่างไทย-กัมพูชา

บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ การค้าขายระหว่างไทย-กัมพูชา

วันศุกร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2568, 06.30 น.
Tag : การค้าขายชายแดน ไทย-กัมพูชา บทความพิเศษ รู้เขา รู้เขมร
  •  

การค้าระหว่างไทยและกัมพูชานั้น มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศมายาวนาน ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจนี้เป็นผลมาจากการที่สองประเทศมีพรมแดนติดกัน และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม การแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันไม่เพียงแต่สร้างรายได้และโอกาสทางธุรกิจ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชายแดนด้วย

มูลค่าการค้าโดยรวม :


มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและกัมพูชามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของไทยระบุว่า การค้ารวมสองฝ่ายมีมูลค่าสูงกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าให้สูงขึ้นไปอีกในอนาคต แม้จะมีการชะลอตัวบ้างในบางช่วงจากปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์เศรษฐกิจโลกหรือวิกฤตการณ์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม การค้าชายแดนยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการแลกเปลี่ยน

เส้นทางขนส่งและด่านชายแดนที่สำคัญ :

เส้นทางขนส่งหลักในการค้าขายระหว่างไทยและกัมพูชา ประกอบด้วย :

•             ทางบก: เป็นเส้นทางหลักและสำคัญที่สุด โดยเฉพาะทางหลวงที่เชื่อมต่อด่านการค้าชายแดนต่างๆ ด่านชายแดนที่สำคัญและมีมูลค่าการค้าสูง ได้แก่:

o             ด่านอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว - ด่านปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย: เป็นด่านการค้าชายแดนที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดและคึกคักที่สุด คิดเป็นมูลค่าการส่งออกและนำเข้าหลายหมื่นล้านบาทต่อปี มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขนส่งสินค้าและผู้คน

o             ด่านสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) จังหวัดสระแก้ว: เป็นด่านที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ โดยเฉพาะรถบรรทุกขนาดใหญ่ เพื่อลดความแออัดของด่านอรัญประเทศ

o             ด่านบ้านหาดเล็ก จังหวัดตราด - ด่านจามเยียม จังหวัดเกาะกง: เป็นด่านสำคัญทางภาคตะวันออก ที่เชื่อมต่อการค้ากับพื้นที่ชายฝั่งทะเลของกัมพูชา

o             ด่านบ้านแหลม จังหวัดจันทบุรี - ด่านบ้านตวง จังหวัดพระตะบอง: เป็นอีกด่านสำคัญในภาคตะวันออกที่รองรับการค้าสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภค

o             ด่านบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี - ด่านกรุงไพลิน (บ้านปรม) จังหวัดไพลิน: มีความสำคัญต่อการค้าสินค้าเกษตรและแร่ธาตุบางชนิด

o             ด่านช่องจอม จังหวัดสุรินทร์ - ด่านโอร์เสม็ด จังหวัดอุดรมีชัย: เป็นด่านสำคัญทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการค้าชายแดนคึกคัก

o             ด่านช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ - ด่านช่องจอม จังหวัดอุดรมีชัย (กัมพูชา): เป็นอีกหนึ่งด่านสำคัญในภาคอีสานที่รองรับการค้าสินค้าหลากหลายประเภท

•             ทางน้ำ: มีการขนส่งผ่านแม่น้ำโขงและเส้นทางชายฝั่งทะเลบางส่วน โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือสินค้าที่ไม่ต้องการความเร่งด่วนมากนัก

•             ทางราง: แม้จะยังไม่เป็นเส้นทางหลักเท่าทางบก แต่มีการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟเชื่อมต่ออรัญประเทศกับปอยเปต ซึ่งมีศักยภาพในการเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าที่สำคัญในอนาคต

สินค้าส่งออกสำคัญจากไทยไปกัมพูชา

https://www.bing.com/images/search?view

สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังกัมพูชามีความหลากหลายและสะท้อนถึงศักยภาพการผลิตของไทย รวมถึงความต้องการของกัมพูชาที่กำลังเติบโต สินค้าหลักๆ ได้แก่ :

•             ผลิตภัณฑ์น้ำมันและก๊าซ: เป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งจากไทยไปกัมพูชา โดยมีมูลค่าสูงถึง ประมาณ 2,000 - 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี กัมพูชายังคงพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซจากไทยเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากยังไม่มีแหล่งผลิตเพียงพอภายในประเทศ

•             เครื่องดื่ม: มูลค่าการส่งออกเครื่องดื่มรวมทั้งน้ำอัดลม น้ำผลไม้ เบียร์ และเครื่องดื่มชูกำลัง อยู่ที่ประมาณ 500 - 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เป็นที่นิยมอย่างมากในกัมพูชา

•             อาหาร (รวมถึงอาหารแปรรูป): มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 400 - 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ครอบคลุมทั้งอาหารแปรรูป ข้าวสาร ผักและผลไม้สด เป็นที่ต้องการของตลาดกัมพูชา

•             บะหมี่สำเร็จรูป: แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหมวดอาหาร แต่บะหมี่สำเร็จรูปเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 50 - 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เนื่องจากความสะดวกและราคาไม่แพง

•             ยาเวชภัณฑ์: เวชภัณฑ์และเครื่องมือทางการแพทย์เป็นสิ่งจำเป็นที่กัมพูชายังต้องพึ่งพาการนำเข้า มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 200 - 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

•             โทรศัพท์มือถือและชิ้นส่วน: โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสินค้าที่มีความต้องการสูงตามการเติบโตของเทคโนโลยี มูลค่าการส่งออกประมาณ 300 - 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

•             รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ: รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะหลักในการเดินทางของประชากรส่วนใหญ่ในกัมพูชา มูลค่าการส่งออกประมาณ 200 - 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

•             วัสดุก่อสร้าง: ด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องในกัมพูชา ทำให้มีความต้องการวัสดุก่อสร้างสูง มูลค่าประมาณ 100 - 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

สินค้าส่งออก 10 อันดับของไทยไปกัมพูชา ในปี พ.ศ. 2568 (เดือน ม.ค.-พ.ค.)

•             อัญมณีและเครื่องประดับ : สัดส่วน 36.50% คิดเป็นมูลค่า 53,122.56 ล้านบาท

•             น้ำมันสำเร็จรูป : สัดส่วน 13.75% คิดเป็นมูลค่า 20,011.38 ล้านบาท

•             น้ำตาลทราย : สัดส่วน 5.15% คิดเป็นมูลค่า 7,499.25 ล้านบาท

•             เครื่องดื่ม : สัดส่วน 4.59% คิดเป็นมูลค่า 6,674.84 ล้านบาท

•             เคมีภัณฑ์ : สัดส่วน 2.55% คิดเป็นมูลค่า 3,709.66 ล้านบาท

•             รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ : สัดส่วน 2.48% คิดเป็นมูลค่า 3,604.91 ล้านบาท

•             เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว : สัดส่วน 2.05% คิดเป็นมูลค่า 2,977.76 ล้านบาท

•             รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ : สัดส่วน 1.98% คิดเป็นมูลค่า 2,879.23 ล้านบาท

•             ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาภาษาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ : สัดส่วน 1.86% คิดเป็นมูลค่า 2,712.04 ล้านบาท

•             เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล : สัดส่วน 1.78% คิดเป็นมูลค่า 2,594.35 ล้านบาท

สินค้านำเข้าสำคัญจากกัมพูชามาไทย (พร้อมมูลค่าโดยประมาณ): 

https://www.bing.com/images/search?view

การนำเข้าสินค้าจากกัมพูชามาไทยส่วนใหญ่เป็นผลผลิตทางการเกษตรและสินค้าพื้นเมือง เนื่องจากกัมพูชาเป็นประเทศที่มีภาคเกษตรกรรมเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญ สินค้าหลักๆ ได้แก่ :

•             มันสำปะหลัง: เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่กัมพูชาส่งออกมาไทยจำนวนมาก เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปต่างๆ เช่น แป้งมันสำปะหลัง และเอทานอล มูลค่าการนำเข้าสูงถึง ประมาณ 500 - 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (ขึ้นอยู่กับผลผลิตและราคาตลาดโลก)

•             ข้าวโพด: ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นอีกหนึ่งสินค้าเกษตรที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชา มูลค่าประมาณ 200 - 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

•             ปลาร้า, ปลากรอบ, ปูเค็ม: ผลิตภัณฑ์ประมงแปรรูปเหล่านี้เป็นสินค้าพื้นเมืองที่ได้รับความนิยมในไทย โดยเฉพาะในภาคอีสาน มูลค่ารวมประมาณ 50 - 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี

•             และอื่นๆ: นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าสินค้าเกษตรอื่นๆ เช่น ถั่ว งา ยางพารา สินค้าหัตถกรรม  และเสื้อผ้าสำเน็จรูป ซึ่งมีมูลค่ารวมกันอีกหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ผลกระทบร้ายแรง เมื่อมีการห้ามส่งออกและนำเข้าสินค้าทั้งหมด :

            เมื่อเกิดสถานการณ์ที่ร้ายแรงถึงขั้นห้ามส่งออกและนำเข้าสินค้าระหว่างไทยและกัมพูชาทั้งหมด   ส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของทั้งสองประเทศ โดยสามารถเรียงลำดับผลกระทบได้ดังนี้:

1.          วิกฤตเศรษฐกิจรุนแรงในกัมพูชา :

o             การขาดแคลนพลังงานอย่างรุนแรง: ด้วยมูลค่าการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยที่สูงถึง 2,000-3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ การหยุดนำเข้าจะทำให้กัมพูชาเผชิญกับการขาดแคลนพลังงานที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิต การขนส่ง และชีวิตประจำวันของประชาชนโดยตรงอย่างหนักหน่วง

o             ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงและการขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็น: สินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญหลายชนิด เช่น อาหารแปรรูป (มูลค่า 400-700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เครื่องดื่ม (500-800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ยาเวชภัณฑ์ (200-400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และโทรศัพท์มือถือ (300-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ที่นำเข้าจากไทย จะขาดตลาด ราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ไม่สามารถเข้าถึงปัจจัยสี่ที่จำเป็นได้

o             การหยุดชะงักของภาคการผลิตและอุตสาหกรรม: โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในกัมพูชาที่ต้องพึ่งพาสินค้าทุน วัตถุดิบ และชิ้นส่วนประกอบจากไทย (เช่น ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จะหยุดชะงักลงโดยสิ้นเชิง ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างงานจำนวนมหาศาล เศรษฐกิจโดยรวมจะเข้าสู่ภาวะถดถอยขั้นรุนแรง

o             ผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและรายได้เกษตรกร: เกษตรกรกัมพูชาจะไม่สามารถส่งออกมันสำปะหลัง (มูลค่า 500-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ข้าวโพด (200-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และสินค้าเกษตรอื่นๆ มายังไทยได้ ทำให้สูญเสียรายได้หลักจำนวนมหาศาลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรและเศรษฐกิจชนบทอย่างหนัก

2.          ผลกระทบต่อเศรษฐกิจของไทย :

o             การว่างงานและการล้มละลายของธุรกิจ: ผู้ประกอบการและแรงงานในพื้นที่ชายแดนของไทยที่เกี่ยวข้องกับการค้ากับกัมพูชา เช่น ร้านค้าส่ง ร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ จะได้รับผลกระทบโดยตรง หลายพันหรือหมื่นธุรกิจอาจต้องปิดตัวลง ทำให้เกิดการว่างงานจำนวนมหาศาลในพื้นที่ชายแดน

o             รายได้จากการค้าระหว่างประเทศลดลง: แม้ว่าสัดส่วนการค้ากับกัมพูชาอาจไม่มากเท่าประเทศคู่ค้าหลักอื่นๆ แต่การสูญเสียมูลค่าการค้ากว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการส่งออกของไทย โดยเฉพาะรายได้จากด่านศุลกากรหลักๆ เช่น อรัญประเทศ ที่มีมูลค่าการค้าสูงที่สุด

o             ปัญหาการไหลเข้าของสินค้าเกษตรผิดกฎหมายและการควบคุมสุขอนามัย: หากไม่สามารถนำเข้ามันสำปะหลัง ข้าวโพด และสินค้าเกษตรอื่นๆ จากกัมพูชาได้อย่างถูกกฎหมาย อาจนำไปสู่การลักลอบนำเข้าที่ยากต่อการควบคุมคุณภาพและสุขอนามัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อมาตรฐานสินค้าเกษตรภายในประเทศ

3.          ปัญหาด้านความมั่นคงและสังคม :

o             การเคลื่อนย้ายแรงงานและประชาชนผิดกฎหมาย: แรงงานกัมพูชาที่เคยทำงานในไทยและถูกกระทบจากการห้ามส่งออกนำเข้า รวมถึงประชาชนกัมพูชาที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ อาจพยายามลักลอบเข้าเมืองไทยอย่างผิดกฎหมายเพื่อหางานและปัจจัยยังชีพ สร้างภาระและความท้าทายด้านความมั่นคงและมนุษยธรรม

o             ความตึงเครียดและความไม่สงบตามแนวชายแดน: การหยุดชะงักของการค้าชายแดนซึ่งเป็นวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ อาจนำไปสู่ความตึงเครียด ความขัดแย้ง และความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนที่เคยเป็นพื้นที่แห่งการแลกเปลี่ยน

o             ปัญหาสังคม: การขาดแคลนสินค้า การว่างงาน และความยากจนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งในกัมพูชาและพื้นที่ชายแดนของไทย อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมที่รุนแรงขึ้น เช่น อาชญากรรม ยาเสพติด และความไร้ระเบียบ

4.          ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและภูมิภาค :

o             ความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ย่ำแย่: การปิดชายแดน  ห้ามส่งออกนำเข้าจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงและยาวนานต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชา อาจนำไปสู่ความไม่ไว้วางใจ ความบาดหมาง และการเผชิญหน้าทางการเมือง ซึ่งยากจะฟื้นฟู

o             ผลกระทบต่อความร่วมมือในระดับภูมิภาค: การค้าขายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของความร่วมมือในภูมิภาค การหยุดชะงักอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือด้านอื่นๆ ด้วย และอาจสร้างความกังวลให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

โดยสรุปแล้ว การค้าขายระหว่างไทยและกัมพูชามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศ การหยุดชะงักหรือการห้ามส่งออกนำเข้าจะก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ที่รุนแรงและมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกัมพูชาซึ่งยังคงพึ่งพาการนำเข้าจากไทยในหลายๆ ด้าน และต่อผู้คนในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศที่ชีวิตความเป็นอยู่เชื่อมโยงกับการค้าขายระหว่างกันอย่างแยกไม่ออก การรักษาและส่งเสริมการค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองชาติ

โดย  สุริยพงศ์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ ช่องทางข้ามแดนไทย-กัมพูชา บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ ช่องทางข้ามแดนไทย-กัมพูชา
  • บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ วิกฤติการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา 2568 สาเหตุ ผลกระทบ และแนวโน้มในอนาคต บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ วิกฤติการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา 2568 สาเหตุ ผลกระทบ และแนวโน้มในอนาคต
  • บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ รู้จักฮุน เซน : เด็กวัด ลูกชาวนา สู่ผู้นำกัมพูชา บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ รู้จักฮุน เซน : เด็กวัด ลูกชาวนา สู่ผู้นำกัมพูชา
  • บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ รู้จักเขมรแดง บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ รู้จักเขมรแดง
  • บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ ราชมรรคา : สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ ราชมรรคา : สายสัมพันธ์สองแผ่นดิน
  • บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ ต้นตระกูลเขมร – จากสุริยวรมันถึงฮุนเซน บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ ต้นตระกูลเขมร – จากสุริยวรมันถึงฮุนเซน
  •  

Breaking News

'กรุงเทพฯ'คว้าแชมป์โลกเมืองในฝัน 2025 ตอบโจทย์การใช้ชีวิตกลุ่มคน Digital Nomads

ช็อกปนผวา! เผชิญหน้าจงอางยักษ์เกือบ 5 เมตรกลางสวนปาล์ม

คุกคืนแรก‘สีกากอล์ฟ’นอนไม่ค่อยหลับ พูดน้อย แววตากังวล แต่ไม่ถึงขั้นเศร้าซึม

อินเดียออฟสาวบาร์! ไม่ถูกใจอกเล็ก-หุ่นไม่ตรงสเป็ค แจ้งตร.จับ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved