วันพุธ ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่ลำดับที่วสมของโลก (รองจากรัสเซียและแคนาดา) มีประชากรมากกว่า 1,400 ล้านคน แบ่งออกเป็น 56 ชนเผ่า สืบประวัติทางโบราณคดีได้ราวหมื่นปี
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนมีมาช้านานกว่าพันปี ไม่ใช่แค่เรื่องของการค้าขายหรือการเมือง แต่เป็นเรื่องของคนที่อพยพข้ามแดน นำวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตมาผสมผสานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในปัจจุบัน ดังนั้นคนไทยจึงควรมีความรู้พอควร เกี่ยวกับจีน ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม การค้า และการเมือง
รากเหง้าของความสัมพันธ์ไทย-จีน ความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนจีนเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ก่อนสมัยราชวงศ์ถัง ( พ.ศ. 1163- 1451)หรือเมื่อกว่า 1,300 ปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัยฟูนาน ทวารวดี ก่อนการตั้งอาณาจักรสุโขทัย โดยมีการค้าขายติดต่อกันทางบกกับจีนยูนนาน และการค้าทางทะเลกับจีนแต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน กวางตุ้ง มีการพบหลักฐานจารึกภาษาจีนหลังพระพิมพ์สมัยทวารวดีที่เมืองศรีเทพ และพบเศษเครื่องถ้ายจีนสมัยราชวงศ์ฮั่นในภาคใต้
การอพยพของชาวจีนในยุคแรก การอพยพของชาวจีนเข้ามาในเมืองไทยเกิดขึ้นเป็นระลอก โดยระลอกแรกเริ่มตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 ในช่วงที่พวกมองโกลเข้ามาปกครองจีนสมัยราชวงศ์หยวน ชาวจีนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะชาวฮั่นจากภาคใต้ของจีนที่ไม่ชอบพวกมองโกล เริ่มอพยพออกจากประเทศจีนเพื่อหลบหนีความทางการขัดแย้งทางการเมือง
คนจีนอพยพกลุ่มแรกนี้ส่วนใหญ่เป็นกรรมกร พ่อค้า ช่างฝีมือ และนักการเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับการปกครองของพวกมองโกล พวกเขาลงเรือสำเภามาตามเส้นทางการค้าทางทะเล โดยมือจุดหมายปลายทางที่สำคัญคือกรุงศรีอยุธยา ซึ่งในขณะนั้นเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในสมัยนั้น กรุงศรีอยุธยาเป็นยุคทองของการค้าระหว่างประเทศ ชาวจีนที่อพยพเข้ามาได้รับการต้อนรับอย่างดี จากนโยบายเปิดกว้างของกษัตริย์อยุธยา พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาหลายพระองค์ให้การสนับสนุนชาวจีน เพราะเห็นประโยชน์ในด้านการค้าและเทคโนโลยี ชาวจีนในสมัยนั้นไม่เพียงแค่ทำการค้า แต่ยังทำหน้าที่เป็นนักเดินเรือ ช่างต่อเรือ ช่างทำเครื่องปั้นดินเผา และช่างทำอาวุธ พวกเขานำเทคนิคการทำกระเบื้องเคลือบ การทำดินปืน และเทคโนโลยีการต่อเรือเดินทะเลเข้ามาสู่ไทย
ชุมชนชาวจีนในอยุธยาตั้งอยู่บริเวณคลองนายก่าย ป้อมเพชร ประตูจีน ปากคลองขุนละครชัย และวัดพนัญเชิง ซึ่งเป็นย่านการค้าที่สำคัญ มีการสร้างศาลเจ้า และวัดจีนหลายแห่ง
ระลอกใหญ่แห่งการอพยพสมัยราชวงศ์ชิง การอพยพครั้งใหญ่ของชาวจีนเกิดขึ้นในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่ 24 สมัยรัชกาลที่ 4-6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ โดยมีสาเหตุหลายประการ ได้แก่ ความไม่สงบทางการเมืองในจีน การเกิดสงครามฝิ่น การจลาจลไท่ผิง และความอดอยากจากภัยธรรมชาติ ช่วงนั้นเป็นยุคที่ราชวงศ์ชิงกำลังอ่อนแอลง มีการแข่งขันและแทรกแซงจากมหาอำนาจตะวันตก ประชาชนจีนจำนวนมากจึงตัดสินใจอพยพออกจากประเทศจีน โดยเฉพาะชาวจีนจากมณฑลกวางตุ้ง ฟูเจี้ยน และไหหลำ ที่มีประเพณีการออกทะเลและการค้าขายมายาวนาน
สาเหตุของการอพยพใหญ่ของชาวจีน เกิดจาก ความยากจนและความอดอยาก จากการเพิ่มขึ้นของประชากรแต่พื้นที่การเกษตรไม่เพียงพอ ความไม่สงบทางการเมือง จากการสู้รบระหว่างฝ่ายต่างๆ และการแทรกแซงของต่างชาติ และภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และแผ่นดินไหว ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในจีนตอนใต้ ประกอบกับการเก็บภาษีที่หนักและการเกณฑ์ทหาร
สาเหตุสำคัญอีกประการหนึ่งคือการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีการปฏิรูปประเทศและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดึงดูดแรงงานจากต่างประเทศ ความต้องการแรงงานในอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การขุดแร่ การทำสวนยาง การสร้างทางรถไฟ ขุดคลอง ทำถนน และชุมชนชาวจีนที่มีอยู่แล้วช่วยเหลือผู้อพยพใหม่
ชาวจีนที่อพยพเข้ามาในเมืองไทยมักจะตั้งถิ่นฐานในเขตเมืองใหญ่และพื้นที่ชายฝั่งทะเล เช่น กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการเมือง พื้นที่ภาคใต้ที่มีเหมืองแร่ และเมืองท่าต่างๆ ตามแนวชายฝั่ง
ในกรุงเทพฯ ชาวจีนตั้งถิ่นฐานหนาแน่นในย่านเยาวราช สำเพ็ง และพาหุรัด พวกเขาประกอบอาชีพค้าขาย เป็นช่างฝีมือ รับจ้างแรงงาน และบางส่วนเป็นนายทุนใหญ่
คนจีนในสังคมไทยสมัยใหม่ ในปัจจุบันชาวไทยเชื้อสายจีนคิดเป็นสัดส่วนที่สำคัญของประชากรไทย ประมาณ 10-14% ของประชากรทั้งประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของผู้อพยพที่เข้ามาในช่วงพุทธศตวรรษที่24 ชาวไทยเชื้อสายจีนในปัจจุบันได้กลมกลืนเข้ากับสังคมไทยอย่างสมบูรณ์ พวกเขามีบทบาทสำคัญในทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่การค้า อุตสาหกรรม การเมือง การศึกษา จนถึงศิลปะและวัฒนธรรม
ในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ไทย-จีนกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากห่างเหินกันในช่วงสงครามเย็น จีนปัจจุบันกลายเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย และมีการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ การท่องเที่ยวจากจีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก นักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนใหญ่ที่สุดของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย
การศึกษาภาษาจีนในไทยก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยมีการจัดตั้งสถาบันขงจื๊อในมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมจีน นักศึกษาจีนกว่าหมื่นคนเข้ามาเรียนระดับปริญญาในประเทศไทยเช่นมหาวิทยาลัยเกริก สแตมฟอร์ด ชินวัตร ธุรกิจบัณฑิต อัสสัมชัญ ศรีปทุม ราชภัฏ
บทสรุป
เรื่องราวของจีนกับไทยเป็นเรื่องราวของผู้คนที่เดินทางข้ามทะเล ข้ามภูเขา ด้วยความหวังและความฝัน พวกเขาได้นำติดอารยธรรมโบราณมาผสมผสานกับวัฒนธรรมไทย สร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่งดงามและหลากหลาย
ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีน ไม่ใช่แค่เรื่องของรัฐบาลหรือการเมือง แต่เป็นเรื่องของผู้คนธรรมดา ที่ได้ทำงาน อยู่ร่วมกัน และสร้างสรรค์อนาคตร่วมกัน บนผืนแผ่นดินไทยมาหลายร้อยปี และจะดำเนินต่อไปอีกนานแสนนาน
โดย อาทร จันทวิมล
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี