ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘บ้านหงาว’ชุมชนต้นแบบแร่ดีบุกเมืองระนอง

ภูมิบ้าน ภูมิเมือง : ‘บ้านหงาว’ชุมชนต้นแบบแร่ดีบุกเมืองระนอง

วันอาทิตย์ ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2567, 06.00 น.

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สนใจการทำอาหารบ้านหงาว

จากการที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ฯ (ครม.สัญจร) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๗ และตรวจราชการในพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล เมื่อวันที่ ๒๒-๒๓ มกราคม ๒๕๖๗ ณ หอประชุมคอซู้เจียง ศูนย์ราชการจังหวัดระนอง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง นั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ได้ถือโอกาสเยี่ยมชมชุมชนบ้านหงาว ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบที่มีพิพิธภัณฑ์แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม (CPOT)และอาหารขึ้นชื่อโดยเฉพาะเมนูอาหารรสชาติที่หายไป คือ “ก๊กซิมบี้” จากโครงการ ๑ จังหวัด ๑ เมนู เชิดชูอาหารถิ่น โดยเฉพาะเป็นแหล่งที่ทำเหมืองแร่มาแต่อดีต โดยมี นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และคณะผู้บริหารฯ ผู้นำชุมชนได้ให้การต้อนรับคณะรัฐมนตรี ชุมชนวัดบ้านหงาวแห่งนี้กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.)ได้มีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม พร้อมปลุกกระแสการท่องเที่ยววิถีชุมชนขึ้นเพื่อสร้างโอกาส สร้างรายได้ เสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนโดยคัดเลือกสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ชุมชนวัดบ้านหงาว เมืองระนองจึงเป็น๑ ใน ๑๐ ชุมชน ที่ได้รับการคัดเลือกและประกาศให้เป็นสุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี”ประจำปี ๒๕๖๖ ทำให้เป็นที่สนใจของคณะรัฐมนตรีและผู้บริหารได้พากันเยี่ยมแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมวัดบ้านหงาวดังกล่าว

รมว.วัฒนธรรมกับชาวบ้านหงาว


เมืองระนอง แห่งนี้เดิมเรียก เหมืองแร่นองหรือ เมืองแร่นอง เป็นหัวเมืองเล็ก ขึ้นกับเมืองชุมพรมาแต่ครั้งสมัยอยุธยา ซึ่งปกครองเมืองระนองและเมืองตระ (อ.กระบุรี) ๒ เมืองตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นมีบรรดาศักดิ์เป็น“หลวงระนอง” ต่อมาครั้งกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นได้มีชาวจีนฮกเกี้ยนชื่อ “คอซู้เจียง” ได้ยื่นขอประมูลอากรดีบุกในเขตเมืองระนองและเมืองตระซึ่งมีความดีความชอบจึงได้เป็น “หลวงรัตนเศรษฐี” ตำแหน่งนายอากรเมืองตระและเมืองระนอง ต่อมาหลวงระนอง เจ้าเมืองล้มป่วยและถึงแก่กรรมทำให้เมืองระนองว่างผู้นำลงในปีพ.ศ.๒๓๙๗ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ได้โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนหลวงรัตนเศรษฐี (คอซู้เจียง) นั้นขึ้นเป็นพระรัตนเศรษฐี เป็นเจ้าเมืองระนองแทน

พิธีเปิดชุมขนต้นแบบบ้านหงาว

ครั้นเมื่อพม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษและรัฐบาลอังกฤษได้จัดการปกครองหัวเมืองขึ้นอยู่นั้น  พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริว่าเมืองระนองและเมืองตระ เป็นเมืองขึ้นอยู่ในเมืองชุมพรจะรักษาราชการทางชายแดนไม่สะดวก จึงโปรดฯให้ยกเมืองตระและเมืองระนอง ขึ้นเป็นหัวเมืองจัตวาขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯและให้เลื่อน พระรัตนเศรษฐี (คอซู้เจียง) นั้นขึ้นเป็นผู้ว่าราชการเมืองระนอง เมื่อ พ.ศ.๒๔๐๕

ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี เมื่อ พ.ศ.๒๔๒๐ เมืองระนองจึงมีฐานะเป็นหัวเมืองอิสระ ต่อมาได้ยกฐานะ เป็นจังหวัดและยุบเมืองตระเป็นอำเภอ คือ อำเภอกระบุรี ขึ้นกับจังหวัดระนอง ตั้งแต่นั้นมาจังหวัดระนองจึงมีความสำคัญในฐานะเป็นเมืองดีบุก ที่อยู่ชายแดน โดยเฉพาะ ชุมชนต้นแบบบ้านหงาว แห่งนี้ เป็นเทศบาล ๑ ในจำนวน ๑๑ แห่ง ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของหมู่ที่ ๑ และ ๒ของตำบลหงาว อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง เดิมมีฐานะเป็นสุขาภิบาลจัดตั้งขึ้นเมื่อพ.ศ.๒๕๑๖ มีประชากรทั้งหมด ๒๔๗๕ คน มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด ๑.๘๕ ตารางกิโลเมตร หรือ ๑,๑๕๖.๒๕ ไร่ ซึ่งวันนี้ได้กลายเป็นชุมชนต้นแบบที่ใครต่อใครพากันสนใจมากขึ้น

อนุสาวรีย์คอซู้เจียง-พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
อนุสาวรีย์คอซู้เจียง-พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี
ชุมชนต้นแบบบ้านหงาว
ชุมชนต้นแบบบ้านหงาว
สุสานเจ้าเมืองระนอง
สุสานเจ้าเมืองระนอง
ก๊กซิมบี้ อาหารพื้นถิ่นที่รสชาติหายไป
ก๊กซิมบี้ อาหารพื้นถิ่นที่รสชาติหายไป
อุปกรณ์การทำแร่ดีบุก
อุปกรณ์การทำแร่ดีบุก
สาธิตการทำแร่ดีบุก
สาธิตการทำแร่ดีบุก
อาหารพื้นถิ่นรสชาติเดิม
อาหารพื้นถิ่นรสชาติเดิม
ขนมเบื้องโบราณบ้านหงาว
ขนมเบื้องโบราณบ้านหงาว

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top