อินโดนีเซีย ประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน และอันดับที่ 4 ของโลก กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งคนกว่า 200 ล้านคน มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้ง(มากกว่าสหรัฐฯ เสียอีก) และในจำนวนนี้กว่า 100 ล้านคน เป็นคนหนุ่มสาวที่คนที่เพิ่งได้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรก ทำให้ผู้สมัครเลือกตั้งทุกคนต้องเดินเกมหาเสียงผ่านแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ TikTok และ Instagram ที่ดึงดูดเหล่าคนออกเสียงหน้าใหม่ได้เป็นอย่างดี
นอกจากเลือกตั้งประธานาธิบดีและคู่ชิงรองประธานาธิบดีแล้ว จะยังมีการเลือกตั้งผู้แทน ทั้งระดับประเทศ,จังหวัด และท้องถิ่นอีกเกือบ 20,000 ตำแหน่ง จากผู้สมัครในทุกสนาม รวมแล้วเกือบ 250,000ชีวิต
และนี่คือการจัดเลือกตั้งในหนึ่งวันที่ใหญ่ที่สุดในโลก
อดีตที่ผ่านมา อินโดนีเซีย เป็นประเทศที่มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งสูงมาก อย่างเมื่อปี 2019มีผู้ใช้สิทธิ์มากถึง 80% ขณะที่สหรัฐฯมีผู้ใช้สิทธิ์เมื่อปี 2020 เพียง 66% ส่วนประเทศไทยมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในปี 2023 ราว 75%
หากพูดถึงระบอบประชาธิปไตยต้องยอมรับว่า อินโดนีเซียยังคงอยู่ในวัยเยาว์ เพราะเคยอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารของนายพลซูฮาร์โต นานถึง 32 ปี ตั้งแต่ปี 1966 ถึง 1998
เมื่อชาวอินโดนีเซียทนต่อระบอบไม่ไหว จึงผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย โดยมี “เมกาวตี ซูการ์โนบุตรี” จากพรรค Indonesian Democratic Party of Struggle (PDIP) กวาดที่นั่งในสภาอย่างถล่มทลาย และทำให้เธอก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก และคนเดียวในประวัติศาสตร์อินโดนีเซีย ระหว่าง
ปี 2001-2004 และพรรค PDIP นี้เองที่ผลักดันให้ โจโก วิโดโด หรือโจโกวี ซึ่งเคยเป็นคนนอกวงการการเมือง ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งในเวลาต่อมา
ช่วงแรกของการดำรงตำแหน่งวิโดโด กลายเป็นผู้นำที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากมีบุคลิกและหน้าตาคลับคล้าย บารัค โอบามาประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยนั้น แม้กำลังจะก้าวลงจากตำแหน่ง หลังครองเก้าอี้มานาน 10 ปี แต่ วิโดโดยังคงเป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในประเทศ ด้วยคะแนนนิยมสูงถึงราว 80% อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่พยายามผลักดันให้อินโดนีเซียขึ้นยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสมบูรณ์
การชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียปีนี้ อาจดูไม่มีอะไรหวือหวาเพราะดูแล้ว ปราโบโว ซูเบียนโต รัฐมนตรีกลาโหม อดีตคู่ชิงตำแหน่งกับวิโดโดเมื่อปี 2014 พร้อมกับคู่ชิงรองประธานาธิบดี กีบรานราคาบูมิง รากา ลูกชายของวิโดโด น่าจะนอนมา เหนือคู่แข่งอย่างกันจาร์ ปราโนโว จากพรรค PDIP และ อานีส บัสเวดัน ผู้สมัครอิสระ
แม้ดูเหมือนว่าโจโกวี ที่แม้จะเป็นผู้นำที่ทำให้อินโดนีเซียเป็นที่รู้จักมากขึ้นภายใต้การนำของเขาตลอด 10 ปี แต่ในอีกทางหนึ่ง นักวิเคราะห์มองว่า ระบอบประชาธิปไตยของอินโดนีเซียนั้น อาจกำลังถอยหลังลงคลอง จนทำให้เกิดการตั้งคำถามว่านี่คือ “ประชาธิปไตย” หรือ “ราชวงศ์ทางการเมือง” กันแน่
เพราะ “กีบราน ราคาบูมิง รากา” วัย 36 ปี ลูกชายผู้นำประเทศที่ลงสมัครตำแหน่งรองประธานาธิบดีได้รับการแผ้วถางทางจากศาลรัฐธรรมนูญ ให้สามารถสมัครได้ จากเดิมที่ผู้สมัครประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี จะต้องมีอายุ 40 ปี นั่นเพราะ พี่เขยของวิโดโด เป็นหัวหน้าของศาลรัฐธรรมนูญผู้ออกคำตัดสินดังกล่าว และหาก กีบรานชนะ เขาจะกลายเป็นรองประธานาธิบดีที่อายุน้อยที่สุดของประเทศ เคียงคู่กับ ปราโบโวซูเบียนโต อดีตคู่แข่งคนสำคัญวิโดโด
แสดงให้เห็นชัดเจนว่า วิโดโดกำลังสร้าง “อาณาจักรทางการเมือง”และยังปูทางให้ลูกชายลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2029 นี้อีกด้วย
อีกสิ่งที่น่าสนใจสำหรับการเลือกตั้งอินโดนีเซีย คือ กฎหมายการเลือกตั้งที่เข้มงวด เพราะผู้ชนะจะต้องได้คะแนนโหวตเกิน 50% และได้คะแนนอย่างน้อย 20%
ในกว่าครึ่งของจังหวัดในประเทศ หากยังไม่มีใครได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้นี้ ก็จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม กับคนที่ได้ที่ 2 ในเดือนมิถุนายน..ที่จะเป็นสนามแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้น
ผู้ที่ติดตามการเมืองในอินโดนีเซียมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกับ “เรื่องส่วนตัว” ของผู้สมัคร มากกว่าที่จะสนใจ “นโยบาย” ที่แต่ละคนชูขึ้นมา และผู้ที่ยังคงครองหน้าสื่อมากที่สุดสำหรับการแข่งขันปีนี้ ก็ยังคงเป็นนายพลซูเบียนโต เพราะเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อีกทั้งยังมี Deepfake ของพลเอกซูฮาร์โต ผู้ล่วงลับ ประกาศสนับสนุนเขาอีกด้วย
การเมืองอินโดนีเซียปีนี้จึงน่าจับตาไม่น้อย เพราะ 10 ปีที่วิโดโดอยู่ในอำนาจ อินโดนีเซียถูกมองว่าเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพ รุ่งเรืองอีกทั้งก่อนหมดวาระ วิโดโด ยังเดินหน้าสร้างตัวตนของอินโดนีเซียบนเวทีโลกในหลายเวที เช่น ความพยายามเสนอตัวเป็นตัวกลางเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ด้วยการเยือนทั้งสองประเทศ และเชื้อเชิญยูเครนให้เข้าร่วมประชุม G20 ที่เกาะบาหลี
จึงน่าสนใจว่า ผู้นำคนต่อไปของประเทศที่ใหญ่สุดในภูมิภาคอาเซียนแห่งนี้ จะสานต่อเจตนารมณ์แห่งประชาธิปไตย หรือท้ายที่สุดแล้ว จะกลายเป็น “ราชวงศ์ทางการเมือง” ที่วิโดโดปูทางเอาไว้สำหรับลูกชาย?
โดย ดาโน โทนาลี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี