บุญชู ตรีทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยและผู้มีอุปการคุณของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มอบทุนการศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 แก่นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง ซึ่งเป็นผู้มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมในภาคเรียนที่ผ่านมาตั้งแต่ 2.75 ขึ้นไป จำนวน 36 คน ทุนละ 22,300 บาท รวมเป็นทุนการศึกษาทั้งสิ้น 802,800 บาท ณ อาคารบุญชูปณิธาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์ลำปาง เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2567
การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ แบ่งเป็น นักศึกษาชั้นปีที่ 1 หลักสูตรเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล จำนวน 9 คน รับทุนรวม 200,700 บาท, นักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยีการเรียนรู้)จำนวน 11 คน รับทุนรวม 245,300 บาท, นักศึกษาชั้นปีที่ 3 หลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยีการเรียนรู้)จำนวน 6 คน รับทุนรวม 133,800 บาท และนักศึกษาชั้นปีที่ 4หลักสูตรวิทยาการคอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยีการเรียนรู้) จำนวน 10 คน รับทุนรวม 223,000 บาท
ในการนี้ รศ.ดร.สุปรียา แก้วละเอียด รองอธิการบดีฝ่ายบริหารศูนย์ลำปางและกฎหมาย พร้อมด้วย รศ.ดร.สุเพชร จิรขจรกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ผศ.ดร.วรวรรณ ดีอัซ การ์บาโย ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารทั่วไป ศูนย์ลำปาง คณาจารย์ เจ้าหน้าที่และนักศึกษาที่ได้รับทุนการศึกษา ร่วมประเพณีรดน้ำดำหัวท่านบุญชู ตรีทอง เนื่องในโอกาสเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ พร้อมทั้งรับคำอวยพรจากท่านบุญชู ตรีทอง เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย
บุญชู ตรีทอง ได้ให้โอวาทที่เป็นข้อคิดทั้งเรื่องการเรียนและการทำงาน ตลอดจนนำผลวิจัยจาก World Bank ถ่ายทอดเป็นความรู้และบูรณาการกับการให้ความสำคัญของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่อโลกในยุคปัจจุบันว่า “อย่าจมปลักกับชีวิตที่ผ่านไปมากนัก พัฒนาตัวเองให้สามารถออกไปประกอบอาชีพได้”นักศึกษาเมื่อสำเร็จการศึกษาจากที่นี่แล้วไม่มีใครตกงานโลกที่เปลี่ยนไปเน้นให้เห็นประโยชน์ของการประยุกต์บูรณาการ วิทยาศาสตร์ทุกแขนงมาตอบโจทย์ปัญหา เมื่อครั้งที่ท่านเป็นนักศึกษาปริญญาตรีศึกษาในสาขาวิชาฟิสิกส์ อาจารย์ท่านหนึ่งได้ให้ข้อคิดไว้ที่ไม่ลืมเลย นั่นคือ การศึกษาเป็นการเจริญที่เจ็บปวด เราต้องเหนื่อยล้า กว่าจะประสบผลสำเร็จ และเมื่อไปเผชิญชีวิตจริง เราถามใครไม่ได้ ต้องตัดสินใจแก้ปัญหาด้วยตัวเอง การศึกษาจึงเป็นการเตรียมทักษะให้ตนเองพร้อม รับความท้าทายที่ยาก ซับซ้อน ที่ต้องเผชิญต่อไปในชีวิต (ได้อย่างมีความสุข) มหาวิทยาลัยในประเทศไทย ที่มีจำนวนกว่า 200 แห่ง ยังผลิตบัณฑิตไม่ตรงกับการใช้ชีวิตจริงกับความต้องการขององค์กร ผลวิจัยของธนาคารแห่งชาติ ซึ่งสรุปประเด็นสำคัญยืนยันว่า “ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤต ทักษะ คนไทยขาดทักษะพื้นฐานที่จะเผชิญกับความท้าทายในศตวรรษที่ 21” คนไทยในวัย 15-64 ปี ส่วนใหญ่ มีทักษะพื้นฐานที่จําเป็นต่อชีวิตประจําวันสามอย่าง ในระดับต่ำกว่าระดับเริ่มต้นที่ควรมี ได้แก่ ทักษะการอ่าน ทักษะด้านดิจิทัล และทักษะการอยู่ร่วมกันในสังคม
คุณบุญชู กล่าวถึงบทความของ ดร.บัณฑิต นิจถาวรนักเศรษฐศาสตร์ที่ท่านได้เคยมีโอกาสร่วมงานเมื่อครั้งท่านเป็น รมต.ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ท่านชื่นชมว่า ดร.บัณฑิต เป็นคนเก่งในด้าน “เศรษฐศาสตร์ของการใช้ชีวิต” นอกเหนือจากความสามารถทางวิชาชีพนักเศรษฐศาสตร์ของท่าน ดร.บัณฑิต ตั้งคำถามต่อผลวิจัยของธนาคารโลกว่า “เป็นไปได้อย่างไร เพราะคนอายุ 15-64 ปี เกือบทั้งหมดคือคนในวัยทำงาน ซึ่งร้อยละ 67 คือ กําลังแรงงานของประเทศขณะนี้ ประมาณ 35 ล้านคน แต่พอเจาะข้อมูลในรายละเอียดก็ชัดเจนว่าอาจเป็นวิกฤตจริง เป็นวิกฤตที่รุนแรงเฉพาะวัยและเฉพาะพื้นที่ “อาการ” ที่เรากำลังเผชิญคือ ขาดทักษะการอ่าน ไม่สามารถอ่านและเข้าใจข้อความสั้นๆเพื่อแก้ปัญหา ไม่สามารถประเมิน ไตร่ตรอง ว่าควรเชื่อหรือไม่ ควรทำหรือไม่ ให้ดีก่อน, ขาดทักษะการคิดในสิ่งที่เป็นไปได้
พูดในเรื่องของเหตุและผล, ขาดทักษะเริ่มต้นที่ควรจะมีในการอยู่ร่วมกันในสังคม จินตนาการไม่ออก (ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร), ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่ได้ออมเงิน ไม่วางแผนอนาคต,ไม่กล้าและไม่อยากทำสิ่งใหม่ ไม่อยากสร้างนวัตกรรมคิดวิธีการใหม่และไม่คิดจะช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ วิกฤตในประเทศไทย มาจากวิกฤตขั้นพื้นฐาน คือ ทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งท่านชี้ให้นักศึกษาให้มองสถานะของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อปี 2505 และพิจารณาสถานะปัจจุบัน ท่านจึงสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้นักศึกษานำพาตนเองให้พ้นจากอาการเหล่านั้น และแบ่งปันหลักอันเป็นข้อคิดการใช้ชีวิตให้ประสบผลสำเร็จว่ามีขั้นตอนดังนี้ Planning “ก่อนทำอะไรให้วางแผน” ตามหลักเหตุผล ตามความจริงความเป็นไปได้, Programming “กำหนดขั้นตอน” ที่จะทำให้ตัวเองขยับขับเคลื่อนไปสู่แผน, Controlling “ควบคุมตนเองให้อยู่ในแผน” ยังคงไปที่เป้าหมาย แม้ว่ามันจะใช้เวลานาน มีอุปสรรคมากมาย ท่านเล่าว่าท่านใช้เวลา 13 ปี ในการเสนอโครงการที่ทำให้ชีวิตของท่านประสบผลสำเร็จ ดังนั้น การควบคุมตนเองจึงสำคัญมาก,Evaluation “ประเมินตนเองอยู่เสมอ” ประเมินในสิ่งที่ทำ“Based บนวิชาชีพ applied และใช้ให้ได้จริง” ประเมินและปรับปรุงแก้ไข และ Do it. ทำจริง ปฏิบัติจริงๆ ให้มันเกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี