ผ่าตัดกระเพาะอาหาร บอกลาโรคอ้วน สู่สุขภาพที่แข็งแรง

ผ่าตัดกระเพาะอาหาร บอกลาโรคอ้วน สู่สุขภาพที่แข็งแรง

วันพฤหัสบดี ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568, 07.13 น.

โรคอ้วน เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพกว่าที่คิด ไขมันส่วนเกินไม่ได้แค่ทำให้ดูอ้วนขึ้น แต่ยังเป็นต้นเหตุของโรคร้ายแรงที่ค่อยๆ กัดกินร่างกายจากภายใน โดยไม่รู้ตัว จนก่อให้เกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคมะเร็ง

นายแพทย์วรพงศ์ อนุพงศ์อนันต์ ศัลยแพทย์ โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า โรคอ้วน (Obesity) คือ ภาวะที่ร่างกายมีการสะสมไขมันมากเกินปกติจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรงต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคข้อเสื่อม และโรคมะเร็ง


 

การวินิจฉัยโรคอ้วนสามารถทำได้โดยการวัดดัชนีมวลกาย (BMI - Body Mass Index) ซึ่งคำนวณจากน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ซึ่งคนทั่วไปควรมีค่า BMI อยู่ระหว่าง 18.5-22.9 kg/m2 หากค่าเกินกว่า 25 จะถือว่าผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะโรคอ้วน และหากว่าค่าเกินกว่า 30 ผู้ป่วยมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ควรเข้าสู่กระบวนการลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วน

หนึ่งในวิธีการรักษาโรคอ้วนที่นิยมในปัจจุบันคือ การผ่าตัดกระเพาะอาหาร (Bariatric Surgery) ซึ่งเป็นการรักษาทางการแพทย์ที่สามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว สำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคอ้วนขั้นรุนแรงและไม่สามารถลดน้ำหนักได้ด้วยวิธีอื่นๆ

ปัจจุบันการผ่าตัดกระเพาะอาหารจะใช้วิธีการผ่าตัดโดยใช้เทคโนโลยีการส่องกล้อง (Laparoscopic surgery) เป็นเทคนิค แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็วโดยมี 2 วิธีดังนี้

1.การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (Laparoscopic Sleeve Gastrectomy : LSG) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมที่สุดในปัจจุบัน โดยจะเป็นการตัดกระเพาะอาหารออกประมาณ 75-80% ให้เหลือปริมาตรประมาณ 150 cc พร้อมกับตัดกระเพาะส่วนที่ผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความหิวออกไปด้วย วิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ไม่ค่อยหิว และทำให้น้ำหนักลดลงอย่างมีประสิทธิภาพ

2.การผ่าตัดบายพาสกระเพาะอาหาร (Laparoscopic Roux-en Y Gastric bypass) เป็นการปรับโครงสร้างกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กใหม่ โดยทำให้กระเพาะอาหารมีขนาดเล็กลงและเชื่อมต่อกับลำไส้โดยตรง วิธีนี้จะทำให้การดูดซึมอาหารลดลงและลดปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายสามารถรับได้ แต่ในระยะยาวอาจต้องได้รับการฉีดวิตามินบางชนิดเสริม เนื่องจากร่างกายดูดซึมวิตามินได้ไม่เพียงพอ

 

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักด้วยเทคโนโลยีการส่องกล้อง Laparoscope จะต้องทำการรักษาโดยทีมศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพ เพื่อให้การผ่าตัดมีความปลอดภัย และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน

การผ่าตัดกระเพาะอาหารเหมาะกับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป,คนที่มีภาวะอ้วน หรือมีดัชนีมวลกายสูงกว่า 32.5 กก./ตร.ม. ขึ้นไป,ผู้ที่พยายามลดน้ำหนักด้วยตัวเอง ทั้งควบคุมอาหารและออกกำลังกายมาแล้วแต่ไม่ได้ผล

หลังจากที่ผ่าตัดกระเพาะอาหาร จะต้องมาพบแพทย์เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิดเพื่อดูแผลผ่าตัดและวางแนวทางการกินอาหารในระยะแรกอย่างเหมาะสม โดยในสัปดาห์ที่ 1 จะให้รับประทานอาหารเหลวใสที่รับประทานได้ง่ายเพื่อปรับสภาพกระเพาะ, สัปดาห์ที่ 2 จะให้รับประทานอาหารที่ข้นขึ้น เช่น ซุป, สัปดาห์ที่ 3 จะให้รับประทานอาหารอ่อนนุ่ม เช่น เยลลี่ คัสตาร์ด ไข่ตุ๋น และสัปดาห์ที่ 4 สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้กลับมามีภาวะอ้วนลงพุงได้อีก

ทั้งนี้ การผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วนเป็น ทางเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นได้และกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน สำหรับผู้ที่สนใจควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัยสูงสุด

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top