กว่า 10 ปีแล้วที่ผู้ประกอบการหญิงเพื่อสังคมของไทย ไม่ได้ฉายแสงบนเวทีระดับโลกที่สนับสนุนผู้นำธุรกิจหญิงที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่าง Cartier Women’s Initiative Awards
ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) ประเทศไทยมี fellow คนแรกของโครงการฯ สาลินี ถาวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซันสว่าง ผู้ให้บริการพลังงานสะอาดในพื้นที่ห่างไกล ธุรกิจที่ทำให้คนในทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้และพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างไฟ ฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากสาลินี ก็ไม่มีผู้ประกอบการเพื่อสังคมหญิงไทยคนไหนเข้าสู่โครงการอีกเลย แม้ว่าจำนวนผู้ประกอบการและธุรกิจเพื่อสังคมจะเติบโตขึ้น อย่างมีนัยยะสำคัญ ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการทำธุรกิจเพื่อสังคมในระหว่างปี 2551 –2560 เป็นต้นมา และไม่ใช่ว่าธุรกิจเพื่อสังคมของผู้ประกอบการหญิงคนอื่นๆ ในไทยไม่น่าสนใจและไม่สำคัญ
ข้อมูลจากโครงการ Cartier Women’s Initiative เผยว่า ผู้ประกอบการหญิงเพื่อสังคมส่วนใหญ่ลังเลการระบุธุรกิจของตัวเองว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคม เนื่องจากกังวลว่านักลงทุนจะไม่ต้องการสนับสนุน เนื่องจากอาจจะเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไร
รามา เคย์ยาลี ผู้ก่อตั้งธุรกิจ Little Thinking Minds ธุรกิจเทคโนโลยีด้านการศึกษาจากจอร์แดน ที่สร้างแพลตฟอร์มการเรียนรู้และฝึกการอ่านภาษาอารบิกแบบดิจิทัล ซึ่งช่วยยกระดับการเรียนรู้ของเด็กในตะวันออกกลาง ผู้ได้รับรางวัล Impact Award ในปีนี้ แชร์ถึงความยากลำ บากในการเป็นผู้ประกอบการที่ทำให้เธอเกือบยอมแพ้ และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบสนับสนุน
“ฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากมากที่ถ้าเราถามผู้ประกอบการเพื่อสังคมคนไหนแล้ว จะไม่มีคนที่บอกว่าไม่เคยคิดอยากยอมแพ้ มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็เกิดจากความยากลำบากที่ต้องเจอ อาจจะเป็นความไม่พร้อมของตลาด นักลงทุนไม่เข้าใจ นโยบายที่เปลี่ยนแปลง วิถีของฉันคือการต้องแน่วแน่และรักในการจะแก้ปัญหาที่เป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจ เราต้องอยากเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยธุรกิจนี้จริงๆ นอกจากนี้ การฟังเสียงจากคนรอบข้างอาจทำให้ไขว้เขวได้ ดังนั้นการรายล้อมตัวเองด้วยคนที่มีอุดมการณ์-แนวคิดคล้ายคลึงกันจะช่วยให้คุณยังคงมุ่งมั่นกับเป้าหมายได้ อย่างเช่นคนในคอมมูนิตี้ของ CWI จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในวันที่เหนื่อยมากฉันอาจอยากหายตัวไปเพราะมีลูกยังเล็ก แต่การพูดคุยกับคนในคอมมูนิตี้ที่พบเจอปัญหาในแบบเดียวกัน เป็นคนที่จะยังคงบอกฉันให้ยังไปต่อ”
ด้วยการเติบโตด้านเศรษฐกิจและสังคม การมีอัตราผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิงเป็นลำดับ 3 ของโลก ประเทศไทยกลายเป็นบ้านให้กับองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงระดับโลกอย่าง UN WOMEN ทั้งยังเปิดกว้างและวิวัฒน์สู่การมีสมรสเท่าเทียมด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด ประเทศ ไทยดูมีศักยภาพความพร้อมของการมีธุรกิจเพื่อสังคมใหม่ๆ มากมาย หากแต่ขาดการถูกมองเห็น เมื่อแทบไม่มีตัวแทนไปยืนอยู่บนเวทีโลกที่จะสามารถดึงดูดโอกาสที่มากกว่าระดับประเทศมาให้คนไทยได้ ล่าสุดโครงการนานาชาติ Cartier Women’s Initiative ที่เป็น fellowship program ส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงที่เป็นผู้นำธุรกิจเพื่อสังคมทั่วโลกมาอย่างยาวนาน กำลังจะก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 โดยมีประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญ ในการเป็นเจ้าภาพของการจัดงานประกาศรางวัลประจำปี 2026
พรปรียา วิวัฒนชาต กรรมการผู้จัดการ คาร์เทียร์ ประเทศไทย กล่าวว่า คาร์เทียร์ เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้หญิง เราเชื่อว่าเมื่อผู้หญิงก้าวไปข้างหน้า มนุษยชาติก็จะก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน มีผู้หญิงมากมายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านโซลูชันส์ทางธุรกิจ และเพื่อให้ผู้หญิงที่เป็นผู้นำและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การส่งเสริมและสนับ สนุนอย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“Cartier Women’s Initiative Awards เป็นโครงการประจำปีที่จะช่วยยกระดับให้ผู้ประกอบการไปได้ไกลกว่าระดับประเทศ ด้วยการติดเครื่องมือที่จะช่วยต่อยอด ไม่เพียงแต่เฉพาะเงินทุนเพื่อพัฒนา แต่ยังมีการสนับสนุนทรัพยากรทุนมนุษย์และทุนสังคมให้แก่ผู้ประกอบการ มอบองค์ความรู้ ผ่านการจัดอบรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกอย่าง INSEAD, การโปรโมทประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ไปจนถึงการมีคอมมูนิตี้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ และผู้ประกอบการเพื่อสังคมทั่วโลก ซึ่งจะเป็นทั้งแรงบันดาลใจและกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการตอบแทนสังคม”
ศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดี ด้านวิชาการและการเชื่อมโยงกับสังคม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พาร์ทเนอร์ผู้จัดอบรมหลักสูตร CWI Entrepreneurial Program ในระดับประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปร่วมในพิธีประกาศรางวัล CWI Impact Awards ในปีนี้ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “โครงการ Cartier Women’s Initiative ไม่ได้เป็นเวทีแห่งการแข่งขัน แต่คือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ที่เข้มข้นและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ผู้ประกอบการจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ๆ แนวคิด การวางกลยุทธ์ ไปจนถึงการเสริมสร้างทักษะในด้านต่างๆ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจร่วมกับผู้ประกอบการหญิงจากนานาประเทศ และจุดประกายพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง”
ทั้งนี้ โครงการ Cartier Women’s Initiative Awards ประจำปี 2026 (พ.ศ. 2569) กำลังเปิดรับสมัครผู้ประกอบการหญิงเพื่อสังคมที่จัดตั้งบริ ษัทและดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ไม่จำกัดเชื้อชาติและสัญชาติ โดยสามารถสมัครเข้าร่วมได้จนถึงวันที่ 24 มิถุนายน 2568 ผ่านทางเว็บ ไซต์อย่างเป็นทางการของโครงการ www.cartierwomensinitiative.com ผู้สมัครสามารถเลือกสมัครได้ใน 2 ประเภท ได้แก่ รางวัลประเภทภูมิภาค (ประเทศไทยอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียกลาง) และรางวัลเฉพาะทางในสาขาผู้บุกเบิกด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้ชนะเลิศในแต่ละสาขารางวัลจะได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่รองชนะเลิศอันดับสองและสามจะได้รับเงินทุนจำนวน 60,000 และ 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ นอกจากนี้ ผู้ได้รับการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนในด้านต่างๆ จากโครงการ อาทิ การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ การประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านช่องทางสื่อต่างๆ โอกาสในการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ และสิทธิ์เข้าศึก ษาหลักสูตรที่ออกแบบโดย INSEAD สถาบันบริหารธุรกิจชั้นนำระดับโลก โอกาสอันทรงคุณค่านี้เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการหญิงเพื่อสังคมที่มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืนในระดับโลก โดยสามารถสมัครผ่านแพลตฟอร์ม Cartier Women's Initiative Submission Manager ภายในระยะเวลาที่กำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี