ในกรณีที่ผู้ป่วยต้องการใช้ยาแก้อักเสบ เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องหนึ่งที่เกิดการเข้าใจผิดได้ เช่น ป่วยมาด้วยอาการหลัก คือ มีไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก มีเสมหะสีเขียว แล้วถามหายาแก้อักเสบ แต่สิ่งที่คาดหวัง คือได้ยาเพื่อฆ่าเชื้อก่อโรค ซึ่งเป็นกลุ่มยาปฏิชีวนะ (antibiotics) หรือยาฆ่าเชื้อ (antimicrobials) บางคนมีตัวอย่างยามาเพื่อแสดงประกอบการขอซื้อยา (ไม่ทราบว่านำตัวอย่างมาจากไหน) แล้วบอกเภสัชกรว่าต้องการยาตัวนี้
อีกกรณีหนึ่งที่อาจพบคือ คนไข้มาด้วยอาการปวดกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายหนัก มาขอซื้อยาแก้กล้ามเนื้ออักเสบ กรณีนี้อาจไม่มีชื่อยาหรือตัวอย่างยามาด้วย แต่ความเข้าใจของผู้ป่วยคือ ต้องการยาแก้อักเสบ เพื่อลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ซึ่งหากซักประวัติแล้วไม่มีข้อห้ามใช้ ยาที่ผู้ป่วยรายนี้จะได้คือยากลุ่มต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs หรือเอ็นเสด) ตัวอย่างของยาในกลุ่มนี้อาจเป็นที่รู้จักกันดี คือ ไอบูโพรเฟน เซเลค็อกสิบ เป็นต้น
ผู้อ่านอาจสงสัยว่า คำว่ายาแก้อักเสบ คือยาแก้อะไรกันแน่ ขอย้ำว่าอาการอักเสบ (Inflammation) คือ การตอบสนองตามธรรมชาติของร่างกายต่อการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือการระคายเคือง เป็นกลไกสำคัญของระบบภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องร่างกาย และเริ่มต้นกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง เมื่อร่างกายเกิดการอักเสบ ร่างกายจะส่งเซลล์ภูมิคุ้มกันและสารเคมีต่าง ๆ ไปยังบริเวณที่ได้รับผลกระทบ เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอม (เช่น เชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส) สารระคายเคือง หรือเนื้อเยื่อที่เสียหาย จากนั้นก็จะเริ่มกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซม อาการที่ปรากฏขึ้นในบริเวณที่เกิดการอักเสบเฉียบพลัน ได้แก่ อาการปวด บวม แดง ร้อน นั่นหมายความว่า การอักเสบ อาจจะเกิดจากการติดเชื้อ หรือ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อต่าง ๆ ก็ได้
คนทั่วไปเรียกยาฆ่าเชื้อ หรือยาปฏิชีวนะ ว่ายาแก้อักเสบ ซึ่งเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน และอาจนำไปสู่การใช้ยาผิด แล้วอาจนำยาปฏิชีวนะไปใช้ ในกรณีเกิดการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ นอกจากกินยาแล้วโรคไม่หาย แล้วยังเสี่ยงต่อการแพ้ยา หรือดื้อยาด้วย
ในทางกลับกัน เช่น ผู้ป่วยเกิดการอักเสบจากการติดเชื้อ แต่ไปใช้ยา NSAIDs ซึ่งไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ก็อาจจะไม่หาย และทำให้การติดเชื้อรุนแรงมากขึ้นไปอีก นอกจากนี้ ยาทั้งสองกลุ่มนี้เป็นกลุ่มยาที่มีรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์มากที่สุด ทั้งเรื่องของการเกิดอาการแพ้ยาและการเกิดผลข้างเคียง ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจเพิ่มเติม เกี่ยวกับแนวทางการใช้ยาทั้งสองกลุ่มให้ปลอดภัยกันดีกว่า
การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างปลอดภัย
วิธีใช้ยากลุ่ม NSAIDs อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ ยา NSAIDs ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด และอาจส่งผลต่อการทำงานของไต ทำให้การกรองของเสียของไตลดลง และอาจนำไปสู่ภาวะไตวายเฉียบพลันได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือผู้ที่ภาวะขาดน้ำ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยา NSAIDs หรือใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ภายใต้การดูแลของแพทย์
ขอย้ำว่า ยาแก้อักเสบอาจก่อปัญหาใหญ่ได้ เราจึงต้องปรึกษาเภสัชกร หรือแพทย์ ก่อนใช้ยา เพื่อให้ใช้ยาให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี