สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) - หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ร่วมกับ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านการออกแบบเพื่อสังคม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. และ ทรู คอร์ปอเรชั่น จัดงาน “Routes to Roots Forum” เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เพื่อเปิดมุมมองใหม่ของการออกแบบการท่องเที่ยวไทยผ่านการใช้ Big data เป็นเครื่องมือในการกำหนดนโยบายและวางแผนพัฒนาพื้นที่อย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นผลงานวิจัยจากโครงการ “การกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเมืองรองผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์จากการวิเคราะห์ข้อมูลบันทึกการใช้บริการโทรศัพท์มือถือ” งบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)
เอกราช ปัญจวีณิน หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านดิจิทัล และ (รักษาการ) หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลุ่มธุรกิจองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "Mobility Data เป็นกุญแจสำคัญในการวางยุทธศาสตร์ให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยก้าวข้ามความท้าทายที่เผชิญอยู่ พร้อมสร้างความยั่งยืนให้กับทั้งภาคการท่องเที่ยวและพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ข้อมูลนี้เปิดโอกาสให้เรายกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัวในการเดินทาง การบริหารจัดการความหนาแน่นของผู้คนในสถานที่ท่องเที่ยว หรือแม้แต่การนำเสนอประสบการณ์ เส้นทาง หรือแคมเปญการท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่สะท้อนเรื่องราวจากวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละท้องที่ นำไปสู่การสร้างโอกาส กระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการและชุมชนให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และสร้างความได้เปรียบใหม่ๆ ในการแข่งขันให้กับประเทศไทยบนเวทีโลก"
ศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สกสว. กล่าวเสริมถึงการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศว่า “งานวิจัยที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลเชิงลึกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยชี้ให้เห็นว่า การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นระบบสามารถนำไปสู่มุมมองใหม่ในการกำหนดนโยบายที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับคุณค่า ความยั่งยืน และการไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘SRI for All’ ขับเคลื่อนฉากทัศน์ใหม่ของ สกสว. เพื่อพลิกโฉมประเทศสู่อนาคต”
ภายในงาน ผศ.สรายุทธ ทรัพย์สุขและผศ.ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย คณะผู้วิจัยจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำเสนอความสำคัญของการพัฒนาการท่องเที่ยว โดยมองว่าวิกฤตโควิด 19 ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจากที่เคยเป็นผู้นำ กลับสามารถฟื้นตัวได้ช้ากว่าหลายประเทศ จึงต้องปั้น ‘ซัพพลาย’ ใหม่ ผ่านการดึงศักยภาพจาก 55 เมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งยังเป็นการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวจากที่เคยกระจุกตัวในเมืองหลักไปยังเมืองน่าเที่ยวมากขึ้น กลยุทธ์การท่องเที่ยวแบบคลัสเตอร์ที่เน้นเชื่อมโยงการเดินทางและการสร้างเรื่องราวร่วมของแหล่งท่องเที่ยวจึงเป็นกลยุทธ์ที่ถูกนำมาใช้ และด้วยศักยภาพของการวิเคราะห์ข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือ (Mobiltiy Data) ทำให้ทำบ่งชี้เครือข่ายการเดินทางของนักท่องเที่ยว ได้ผลลัพธ์เป็นคลัสเตอร์การท่องเที่ยวที่มีจังหวัดเมืองน่าเที่ยวเป็นสมาชิกจำนวน 21 คลัสเตอร์ โดยทำการคัดเลือกคลัสเตอร์ที่มีศักยภาพผ่านตัวชี้วัดทั้งด้านจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว ระยะเวลาพำนักและระยะเวลาเยี่ยมเยือนเฉลี่ย รวมทั้งปริมาณการเดินทางภายในกลุ่มจังหวัด ทำให้ได้คลัสเตอร์ที่มีศักยภาพที่สุดของแต่ละภาค ได้แก่ ภาคเหนือ: กลุ่มจังหวัดเชียงใหม่-ลำปาง-ลำพูน ภาคกลาง: กลุ่มจังหวัดสุพรรณบุรี-ชัยนาท-อุทัยธานี ภาคอีสาน: บุรีรัมย์-สุรินทร์-ศรีสะเกษ ภาคตะวันออก: จันทบุรี-ตราด ภาคตะวันตก: เพชรบุรี-ประจวบคีรีขันธ์-สมุทรสาคร-สมุทรสงคราม ภาคใต้: นครศรีธรรมราช-พัทลุง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี