เทคโนโลยี mRNA หรือ messenger Ribonucleic Acid ได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากบริษัท Pfizer และ Moderna นำมาพัฒนาเป็นวัคซีนป้องกัน COVID–19 ทั่วโลก แต่ที่มากกว่านั้นคือความสามารถในการนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้รักษาโรคต่างๆได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคพันธุกรรม โรคตับ หรือมาลาเรีย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของวงการแพทย์ในระดับโลก
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สุรเดช หงส์อิง เลขาธิการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถและ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า mRNA ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญคือ “การควบคุมอุณหภูมิ” ขณะจัดเก็บและขนส่ง วัคซีนประเภทนี้ต้องรักษาอุณหภูมิระหว่าง -20°C ถึง -80°C ตลอดเวลา หากอุณหภูมิผิดเพี้ยนจะส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง และเกิดความเสียหายได้ง่าย นี่คืออุปสรรคที่ทำให้การเข้าถึงวัคซีนทั่วถึงเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในประเทศที่มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน
จุดเริ่มต้นของ Circular mRNA: ฝีมือคนไทย
นักวิจัยไทยจากมหาวิทยาลัยมหิดล เห็นถึงข้อจำกัดดังกล่าว จึงริเริ่ม “โครงการพัฒนา Circular mRNA” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างวัคซีนที่มีคุณสมบัติเสถียรขึ้น เก็บรักษาได้นานขึ้น ขนส่งในอุณหภูมิใกล้เคียงกับธรรมชาติได้ และสำคัญที่สุดคือ “ราคาถูกกว่าเดิมหลายเท่า”
ทีมวิจัยนำโดย ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง และ ผศ.ดร.ปฐมพล วงศ์ตระกูลเกตุ ร่วมกันวิจัยและพัฒนา mRNA รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Circular mRNA หรือ mRNA “แบบวงปิด” ซึ่งแตกต่างจาก mRNA แบบเดิมที่เป็น “เส้นตรง” (Linear mRNA) อย่างมีนัยสำคัญ
Circular mRNA ดีกว่า Linear mRNA อย่างไร?
หากเปรียบวัคซีน mRNA เป็น “เส้นด้ายโมเลกุล” Circular mRNA คือเส้นด้ายที่ร้อยเป็นวงปิด ซึ่งเอนไซม์ในร่างกายทำลายได้ยากกว่าแบบเส้นตรง การอยู่ได้นานขึ้นนี้ช่วยให้ร่างกายมีเวลาสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่
พลังของ Circular mRNA: สร้างวัคซีนรักษาโรคได้หลากหลาย
นวัตกรรมนี้สามารถใช้ผลิตวัคซีนที่ตอบสนองโรคได้อย่างรวดเร็ว เพียงใส่โปรตีนเฉพาะเข้าไปในตัว Circular mRNA แล้วฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ขณะนี้ ทีมวิจัยกำลังพัฒนา Circular mRNA สำหรับใช้ป้องกัน COVID–19 และเตรียมนำไปต่อยอดในโรคอื่น ๆ เช่น: มะเร็งเต้านม ปอด ต่อมลูกหมาก, มะเร็งในเด็กแทบทุกชนิด, โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE), ไวรัส HPV, ไข้มาลาเรีย, โรคพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย ลูคีเมีย, โรคตับเรื้อรัง เป็นต้น
Personalized Medicine: การรักษาเฉพาะบุคคลที่จับต้องได้
เทคโนโลยี Circular mRNA ยังเปิดทางไปสู่การรักษาแบบเฉพาะบุคคลหรือ Personalized Medicine เช่น ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแต่ละราย อาจมีลำดับกรดอะมิโนที่ผิดปกติต่างกัน จึงสามารถพัฒนา Circular mRNA ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนได้
ผศ.ดร.ปฐมพล อธิบายว่า การรักษานี้จะใช้ Lipid Nanoparticle เหมือนกับที่ Pfizer และ Moderna ใช้ โดยเมื่อเข้าร่างกาย Circular mRNA จะกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้รู้ตัวว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ และร่างกายจะสร้างแอนติบอดีขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับเซลล์มะเร็งเอง ซึ่งให้ผลลัพธ์ดีกว่าเคมีบำบัดหรือการฉายแสง ทั้งในด้านประสิทธิภาพและผลข้างเคียง
Circular mRNA ของไทย: ใกล้ความสำเร็จแล้ว
ทีมวิจัยสามารถสร้างต้นแบบวัคซีนป้องกัน COVID–19 จาก Circular mRNA ได้สำเร็จในระยะต้นภายในเวลาเพียง 7 – 8 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับการพัฒนายาแบบเดิมที่ใช้เวลา 10 – 20 ปี มีแผนจะยื่นจดสิทธิบัตรแพลตฟอร์มการผลิต Circular mRNA ในช่วงต้นปี 2565 เพื่อให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกที่มีเทคโนโลยีนี้อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการยกระดับวงการวิจัยไทยสู่เวทีโลก
เงินทุนคือหัวใจแห่งความสำเร็จ
แม้ว่าทีมวิจัยจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารทิสโก้และองค์กรบางแห่ง แต่การจะพัฒนาให้ถึงขั้นทดลองในสัตว์ใหญ่หรือมนุษย์ จำเป็นต้องใช้งบอีกจำนวนมาก และนี่คืออุปสรรคสำคัญ
ศ.นพ.สุรเดช ย้ำว่า การวิจัยไม่ใช่ One Man Show แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากบุคลากรหลายฝ่าย ทั้งนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญ รวมกว่า 20 – 30 คน ซึ่งการสร้างระบบวิจัยให้เข้มแข็งจึงต้องใช้เงินทุนที่มากพอ ปัจจุบันเทคโนโลยีช่วยลดระยะเวลาวิจัยจาก 20 ปีเหลือเพียง 5 – 10 ปี แต่หากไม่มีทุน การวิจัยก็ไปต่อไม่ได้ และไทยอาจต้องซื้อเทคโนโลยีแพงจากต่างประเทศในอนาคต
ข้อคิดสำหรับนักลงทุนไทย
ประเทศไทยมีต้นแบบ Circular mRNA และศักยภาพด้านการวิจัยครบครัน แต่สิ่งที่ขาดคือการสนับสนุนจากนักลงทุน “ตั้งแต่ต้นน้ำ” ซึ่งใช้งบประมาณเพียง 10 – 20 ล้านบาทต่อโรค ขณะที่หากประสบความสำเร็จ อาจสร้างรายได้ 200 – 300 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น
ตัวอย่างเช่นเทคโนโลยี CAR T-cell ที่ไทยสามารถผลิตเองโดยใช้งบประมาณเพียง 5 แสนบาทเท่านั้น เทียบกับลิขสิทธิ์จากต่างประเทศที่มีราคาถึง 15 ล้านบาท
Circular mRNA ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่คือโอกาสของชาติ
“การลงทุนต้นน้ำอาจไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จเมื่อไร แต่ถ้าสำเร็จ จะสามารถสร้างมูลค่ามหาศาล และช่วยให้คนไทยเข้าถึงการรักษาได้ในราคาที่จับต้องได้” – ศ.นพ.สุรเดช กล่าว หากเราไม่สนับสนุนงานวิจัยที่เป็นของคนไทยเอง เมื่อเกิดวิกฤตโรคใหม่ๆ เฉพาะในประเทศ จะไม่มีเทคโนโลยีเพื่อตอบสนองได้อย่างทันท่วงที Circular mRNA จึงไม่ใช่แค่วิทยาการ แต่คือความมั่นคงทางสาธารณสุข และความภาคภูมิใจของชาติ
กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ คืนชีวิตใหม่..ให้ผู้ป่วยมะเร็งเด็ก
นับตั้งแต่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงรับกองทุนโรคมะเร็งในเด็กไว้ในพระอุปถัมภ์ จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้วที่ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศในรพ.กว่า 20 แห่ง รูปแบบในการให้ความช่วยเหลือคือ ช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษา รวมทั้งค่ายา ค่าเดินทางมาตรวจรักษา ค่าที่พัก เวชภัณฑ์ต่างๆด้วย สามารถร่วมบริจาคได้ที่บัญชี “กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ” SCB สาขาอ่อนนุช เลขที่บัญชี 133-2-08742-3 โทร 0-2718-3800 ต่อ 123 ใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้ รายละเอียดที่ http://www.thaichildrencancerfund.org/
ผ.ศ. (พิเศษ) ดร. เภสัชกร อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์
กรรมการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี