บทความพิเศษ ‘เขารู้เขมร’ : ‘โดรน’ อาวุธสงครามสมัยใหม่

บทความพิเศษ ‘เขารู้เขมร’ : ‘โดรน’ อาวุธสงครามสมัยใหม่

วันศุกร์ ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

โดรน (Drone) หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า "อากาศยานไร้คนขับ" (Unmanned Aerial Vehicle - UAV) เป็นหนึ่งในอาวุธที่สำคัญที่สุดในสงครามยุคใหม่ ที่กลายเป็นหนึ่งในอาวุธที่ทรงพลังและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสมรภูมิอย่างมากมายที่สามารถควบคุมได้จากระยะไกลหรือบินได้โดยอัตโนมัติตามโปรแกรมที่ตั้งไว้   จากที่เคยเป็นเพียงเครื่องมือถ่ายภาพทางอากาศ และอุปกรณ์การเกษตร  ปัจจุบันโดรนได้กลายเป็นอาวุธที่รัฐและกลุ่มต่าง ๆ หันมาใช้อย่างแพร่หลายทั้งในภารกิจรักษาความปลอดภัย   ลาดตระเวน สอดแนม และโจมตีเป้าหมาย การพัฒนาโดรนเริ่มต้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อกองทัพสหรัฐอเมริกาพยายามสร้างเครื่องบินไร้คนขับสำหรับการข่าวกรอง แต่ความก้าวหน้าอย่างแท้จริงเกิดขึ้นในช่วงสงครามเวียดนาม และพัฒนาต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

1. โดรนทางการทหาร: มากกว่าแค่การสอดแนม


โดรนที่ใช้ในกองทัพนั้นมีหลากหลายชนิดและถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจที่แตกต่างกันไป

•             โดรนสอดแนมและลาดตระเวน (ISR Drone): มีขนาดเล็ก บินได้นาน และติดตั้งกล้องความละเอียดสูงเพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรอง

•             โดรนโจมตี (UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle): เป็นโดรนติดอาวุธ สามารถยิงขีปนาวุธหรือระเบิดได้ เช่น โดรนรุ่น Predator และ Reaper ที่โด่งดังของสหรัฐฯ

•             โดรนลูกผสม (Hybrid Drone): สามารถสลับโหมดจากสอดแนมเป็นโจมตีได้เมื่อจำเป็น

•             โดรนกามิกาเซ่ (Kamikaze Drone) หรือโดรนพลีชีพ: โดรนขนาดเล็กที่บรรทุกระเบิดและพุ่งเข้าชนเป้าหมายโดยตรง

2.วิธีป้องกันโดรนโจมตี

การป้องกันโดรนแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก: Hard Kill และ Soft Kill

2.1 Hard Kill (การทำลายโดรนให้ตกลงจากฟ้า โดยใช้กำลังอาวุธ)

2.1.1 ระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบดั้งเดิม

•             ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน: เช่น Phalanx CIWS, C-RAM

•             ขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน: เช่น Stinger, Iron Dome

2.1.2 อาวุธเลเซอร์(Laser System)  โดยยิงแสงเลเซอรความเข้มสูงเพื่อเผาไหม้ทำลายโครงสร้างของโดรน

•             ระบบเลเซอร์พลังงานสูง: เช่น LAWS (Laser Weapons System) ของกองทัพเรือสหรัฐ

•             ข้อดี: ความเร็วแสง, ต้นทุนการยิงต่ำ, ไม่มีกระสุน

•             ข้อเสีย: ผลกระทบจากสภาพอากาศ, การใช้พลังงานสูง

2.1.3 ปืนยิงโดรน Drone Gun

•             Anti-DroneGun: ปืนรบกวนสัญญาณ โดยยิงกระสุนหรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อตัดการสื่อสารระหว่างผู้ควบคุม กับเครื่องโดรนของฝ่ายตรงข้าม

2.1.4 ตาข่ายป้องกันโดรน Anti drone net

•             ยิงตาข่ายดักโดรน เพื่อดักจับโดรนกลางอากาศให้ตกลง  คล้ายการทอดแหจับปลาจับนก

•             กางกำแพงตาข่ายSkywall : ติดตั้งรอบพื้นที่สำคัญ

2.2 Soft Kill (การทำลายโดยไม่ใช้กำลัง)

2.2.1 ระบบรบกวนสัญญาณ (Electronic Warfare)

•             การรบกวนสัญญาณควบคุมJamming System  : โดยส่งสัญญาณวิทยุหรือคลื่นความถี่สูงไปรบกวนการสื่อสาร  ตัดการเชื่อมต่อระหว่างโดรนกับผู้ควบคุม

•             สัญญาณหลอกล่อ (Spoofing): ส่งสัญญาณเทียมให้โดรนเข้าใจผิดและบินออกนอกเส้นทาง

•             การรบกวน GPS: ทำให้โดรนข้าศึกหลงทาง

•             การโจมตีทางไซเบอร (Cyber Attach) : การแทรกเข้ารบกวนหรือ ยึดการควบคุมโดรนของศัตรู  สั่งการให้บินกลับฐาน หรือโจมตีผิดเป้าหมาย

•             อุปกรณ์: DroneShield, AUDS (Anti-UAV Defence System)

2.2.2 การใช้สัตว์ปราบโดรน  กองทัพบางประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ มีการฝึก นกอินทรี และ นกเหยี่ยว ให้จับโดรน ซึ่งเป็นวิธีที่น่าสนใจและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม                   

นกอินทรีย์และนกเหยี่ยว

•             Golden Eagle: กองทัพฝรั่งเศสฝึกนกอินทรีย์ทองให้โฉบจับโดรนกลางอากาศ

•             Wedge-tailed Eagle: ออสเตรเลียใช้นกอินทรีย์หางลิ่มป้องกันสนามบิน

•             ข้อดี: เงียบ, มีประสิทธิภาพสูง, เป็นธรรมชาติ

•             ข้อเสีย: ระยะจำกัด, ต้องการการฝึก, อาจได้รับบาดเจ็บ

นกพิราบ

•             ข้อดี: ขนาดเล็ก, คล่องตัว, ค่าใช้จ่ายต่ำ

•             การใช้งาน: เฝ้าระวังและรายงานโดรน

2.2.3 การใช้โดรนปราบโดรน  (Drone vs. Drone): การใช้โดรนอีกลำยิงปืนลูกซอง หรือพุ่งเข้าชนหรือยิงตาข่ายใส่โดรนของศัตรู

2.2.4  หนังสติ๊กและตะไล

•             หนังสติ๊ก และ หน้าไม้ยิงปลา  : ใช้ยิงโดรนบินต่ำระยะใกล้

•             ตะไล: ใช้จุดเพื่อรบกวนการบินของโดรนเมื่อเข้ามาใกล้

2. ดอกไม้ไฟและบั้งไฟ

•             ดอกไม้ไฟ: สร้างแสงจ้า รบกวนเซนเซอร์โดรน

•             บั้งไฟ: ปล่อยในปริมาณมาก สร้างสิ่งกีดขวาง

3. โคมลอย  บอลลูน  และลูกโป่ง

•             โคมลอย: ใช้กีดขวางโดรน  โดยเทคโนโลยีพื้นบ้าน

•             บอลลูนป้องกัน: ใช้ลากตาข่ายให้ไปพันใบพัดโดรน  ขัดขวางการบินของโดรน

•             ลูกโป่งสวรรค์   ใช้ปล่อยรบกวนเส้นทางการบินของโดรนโจมตีในระยะต่ำ โดยอาจใช้ลูกโป่งพวงลากตาข่าย แบบแพรคลุมป้ายขึ้นไปรบกวนโดรนที่เข้ามาโจมตี

บอลลูนลากตาข่ายของยูเครน  ป้องกันโดรนรัสเซีย

2.2.4 ระบบป้องกันแบบบูรณาการ   C-UAS (Counter-Unmanned Aircraft Systems) 

•             Iron Dome: อิสราเอล   Pantsir-S1: รัสเซีย  NASAMS: นอร์เวย์  Patriot: สหรัฐอเมริกา

2.2.5 ระบบป้องกันที่รวมหลายเทคโนโลยี:

1.            การตรวจจับ: เรดาร์, อินฟราเรด, เสียง

2.            การติดตาม: ระบบคอมพิวเตอร์วิเคราะห์เส้นทาง

3.            การระบุ: แยกแยะโดรนศัตรูจากเป้าหมายอื่น

4.            การต่อกร: เลือกวิธีการทำลายที่เหมาะสม

3.อนาคตของการป้องกันโดรน

เทคโนโลยีใหม่

•             ปัญญาประดิษฐ์: ระบบตรวจจับและต่อกรอัตโนมัติ

•             โดรนต่อสู้โดรน: ใช้โดรนป้องกันโดรนศัตรู

•             คลื่นไมโครเวฟ: ทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

•             อาวุธพลาสม่า: เทคโนโลยีอนาคต

ความท้าทาย

•             โดรนฝูง (Swarm): การโจมตีแบบหมู่

•             โดรน AI: ตัดสินใจด้วยตนเอง

•             ค่าใช้จ่าย: ต้นทุนการป้องกันสูงกว่าโดรนโจมตี

บทสรุป

โดรนได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการสงครามสมัยใหม่อย่างสิ้นเชิง ทั้งในฐานะอาวุธโจมตีและเครื่องมือข่าวกรอง การพัฒนาระบบป้องกันโดรนจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยต้องใช้เทคโนโลยีหลากหลายร่วมกัน ตั้งแต่อาวุธแบบดั้งเดิม ระบบรบกวนอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงการใช้สัตว์และวัตถุบิน

ในอนาคต การแข่งขันระหว่างเทคโนโลยีโดรนและระบบป้องกันจะยังคงดำเนินต่อไป ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องพัฒนาความสามารถทั้งด้านการโจมตีและการป้องกัน เพื่อรักษาความมั่นคงทางชาติในยุคของสงครามโดรน

โดย สุริยพงศ์ 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top