จุดพิพาทชายแดนที่เปลี่ยนจากโบราณสถานสู่สนามรบ
กลางเดือน กรกฎาคม 2568 “ปราสาทตาควาย” ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งอารยธรรมขอมโบราณ กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการสู้รบอย่างดุเดือดด้วยปืนใหญ่ จรวด และเครื่องบิน ระหว่างกองทัพไทยกับกัมพูชา
ประวัติปราสาทตาควาย: มรดกแห่งอารยธรรมขอมโบราณ
ปราสาทตาควาย หรือในภาษาเขมรเรียกว่า ปราสาทตากรอเบย (บฺราสาทตากฺรบี) ตั้งอยู่บนสันเขาห่างจากหน้าผาสูงของเทือกเขาพนมดงรัก ราว 10 เมตร เป็นปราสาทหินศิลาแลง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธมที่อยู่ห่างไปประมาณ 12 กิโลเมตร บริเวณช่องตาควาย ซึ่งฝ่ายไทยอ้างว่าอยู่ในเขตบ้านไทยนิยมพัฒนา หมู่ 17 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ส่วนกัมพูชาอ้างสิทธิ์ว่า ปราสาทตาควาย นี้ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านแฌร์สลับ (Chher Slap) คุ้มโคกขปัวส์ (Kouk Khpos) สรุกบันเตียอ็อมปึล (Banteay Ampil) จ.อุดรมีชัย ใกล้เมืองสำโรงของกัมพูชา เคยเกิดการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ใกล้ปราสาทตาควาย ใน พ.ศ.2551 ถึง 2554 และในปี พ.ศ.2568 ทำให้พื้นที่บางส่วนของปราสาทเสียหาย โดยเป็นการทำลายจากอาวุธของทางฝ่ายกัมพูชา
ปราสาทตาควาย สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในช่วงปลายสมัยนครวัด-ต้นยุคบายน ระหว่างรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ถึง พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (ประมาณ 900–1,000 ปีมาแล้ว) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศาสนสถานสำคัญของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย และเป็นจุดพักผ่อนสำหรับผู้แสวงบุญที่เดินทางระหว่างเมืองต่างๆ ในอาณาจักรขอม
ตัวปราสาทมีลักษณะจัตุรมุข ก่อสร้างด้วยหินทรายและศิลาแลง ตกแต่งด้วยลวดลายอันประณีต สะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของศิลปกรรมขอมในยุคทองของอาณาจักรนครธม
จุดเริ่มต้นของข้อพิพาท
ปราสาทตาควายกลายเป็นจุดพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชามานานหลายทศวรรษ เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่มีความคลุมเครือทางอธิปไตย โดยฝ่ายไทยอ้างว่า ปราสาทตาความย ตั้งอยู่ในเขต อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ของไทย แต่กัมพูชาได้อ้างสิทธิ์ในพื้นที่ปราสาทตาควายนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนของตน
ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเมื่อทั้งสองฝ่ายมีการส่งกองกำลังทหารเข้าประจำการบริเวณปราสาท โดยอ้างเหตุผลในการอนุรักษ์และคุ้มครองโบราณสถาน แต่ในความเป็นจริงแล้วเป็นการแสดงอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่
สมรภูมิเลือดกรกฎาคม 2568
คืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ปราสาทตาควายกลายเป็น “สนามรบ” เดือดอีกครั้ง เมื่อกองกำลังไทยโดยกองพันทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) จากลพบุรี สนับสนุนโดยเครื่องบินเอฟ 16 และกริพเพนทำการทิ้งระเบิด โดยมีการปะทะเดือดช่วง 30 นาที ก่อนขีดเส้นตายหยุดยิงเมื่อช่วงเที่ยงคืน ของวันที่ 29 ก.ค.2568 การสู้รบครั้งนี้มีทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย และบาดเจ็บอีกหลายราย ถือเป็นการเสียสละเพื่ออธิปไตยที่ควรจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
กลยุทธ์ของกัมพูชา ไทยยึดคืนปราสาทตาควายไม่สำเร็จ
ตัวปราสาท เป็นที่หลบ F-16 ได้อย่างดี เนื่องจากกองทัพอากาศไทยไม่มีแผนที่จะถล่มตัวปราสาทโดยตรง ส่งผลให้การที่ทหารไทยจะบุกยึดปราสาทเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องแลกมาด้วยการปะทะอย่างดุเดือด
แม้ทหารไทยจะสามารถยึดปราสาทตาเมือนธมกลับคืนมาได้ (หลังจากการถอนกำลังชั่วคราวเพื่อให้ F-16 ทิ้งระเบิดหลังแนวทหารเขมร) แต่ก็ยังไม่สามารถยึดคืนได้ 100% เนื่องจากทหารกัมพูชายังวางกำลังโดยรอบพร้อมโจมตีได้ตลอดเวลา
ที่ปราสาทตาควายทหารไทยยังไม่สามารถตีคืนปราสาทได้ ณ เวลาที่มีการหยุดยิง โดยเฉพาะในช่วง 1-2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนเส้นตายเที่ยงคืน ทหารทั้งสองฝ่ายระดมกำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างเต็มที่ ด้วยธรรมเนียมทางทหารที่ว่า “ใครยึดได้ตรงไหน ก็เป็นเจ้าของตรงนั้น” ก่อนการหยุดยิง
โดย สุริยพงศ์
ขอบคุณภาพจาก www.tourismthailand.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี