บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ จุดยุทธศาสตร์ที่ทหารไทยยึดคืนมาจากเขมร 2568

บทความพิเศษ : ‘รู้เขารู้เขมร’ จุดยุทธศาสตร์ที่ทหารไทยยึดคืนมาจากเขมร 2568

วันพุธ ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568, 07.00 น.

ในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568 กองทัพไทยได้ปฏิบัติการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและยึดคืนพื้นที่ยุทธศาสตร์ชายแดนบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก ที่ถูกกัมพูชารุกล้ำ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยสามารถควบคุมจุดยุทธศาสตร์ทั้งหมด 10 จุดได้สำเร็จ คือ ภูมะเขือ, ช่องอานม้า, ปราสาทตาเมือนธม ช่องบก, ปราสาทโดนตวล, สัตตะโสม, ช่องจอม, ช่องสายตะกู, พระวิหาร และพลาญยาว เหลือเพียงปราสาทตาควายที่ทหารไทยยังยึดไม่ได้ เพราะทหารเขมรวางกับระเบิดไว้ทั่วบริเวณ การปะทะครั้งนี้มีการใช้โดรน ปืนใหญ่ ทุ่นระเบิด และเครื่องบินทิ้งระเบิด ส่งผลให้เกิดการสูญเสียทั้งสองฝ่าย แต่กองทัพไทยสามารถพิชิตและตรึงกำลังในพื้นที่เหล่านี้ได้อย่างเด็ดขาด  

ประวัติความเป็นมาของข้อพิพาทชายแดน


ข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชามีรากฐานมาจากการกำหนดเขตแดนที่ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะบริเวณเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีปราสาทหินโบราณและจุดยุทธศาสตร์สูงหลายแห่ง และบางพื้นที่ซึ่งเคยใช้แผ่นดินไทยเป็นค่ายอพยพคราวศึกเขมรแดง เช่น บ้านหนองจาน ความขัดแย้งเด่นชัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2505 เมื่อศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังคงเป็นข้อถกเถียง นำไปสู่การปะทะหลายครั้ง เช่น ในปี พ.ศ.2551-2554 และล่าสุดในปี 2568 ซึ่งกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ โดยอ้างสิทธิ์ตามแผนที่เก่าแก่หนึ่งต่อสองแสนของฝรั่งเศส แต่ไทยยึดตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ที่กำหนดให้ทั้งสองฝ่ายต้องเจรจาเพื่อกำหนดเขตแดนอย่างชัดเจน การปะทะล่าสุดเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เมื่อกัมพูชาโจมตีก่อนในหลายจุด ส่งผลให้ไทยตอบโต้ด้วยปฏิบัติการยึดคืน

รายละเอียดจุดยุทธศาสตร์ทั้ง 11 จุด

จุดยุทธศาสตร์ดังกล่าว ตั้งอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี โดยมีความสำคัญทั้งทางยุทธศาสตร์ทหาร เช่น ที่สูงสำหรับเฝ้าระวัง เชิงสัญลักษณ์ เช่น ปราสาทโบราณที่สะท้อนถึงมรดกทางวัฒนธรรม และเส้นทางค้าขายสำคัญแต่ในอดีต กองทัพไทยสามารถยึดคืนได้หลังจากการสู้รบที่ดุเดือด โดยใช้รถถัง ปืนใหญ่ และหน่วยรบพิเศษ

1.ภูมะเขือ (Phu Ma Khuea) :  เป็นเนินเขาหินสูง อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ  ห่างจากปราสาทเขาพระวิหาร 2.8 กม แม้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) จะมีคำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ.2505 ให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนเกี่ยวกับ “พื้นที่โดยรอบ” รวมถึงภูมะเขือ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้กลายเป็นเขตพิพาทที่ทั้งไทยและกัมพูชาต่างอ้างสิทธิว่าเป็นของตน แต่ยังไม่สามารถปักปันเขตแดนอย่างชัดเจนได้จนถึงปัจจุบัน ภูมะเขือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของศัตรู กัมพูชาเคยยึดไว้ใช้เป็นฐานที่มั่น สร้างบันไดและกระเช้าสำหรับส่งยุทโธปกรณ์และเสบียงอาหารตั้งแต่ พ.ศ.2551 แล้วทหารไทยยึดกลับได้เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิตที่ภูมะเขือ 10 คน ทหารไทยได้ปักธงชาติไทย พร้อมยึดอาวุธและทำลายสิ่งปลูกสร้าง เช่น บันไดเหล็ก กระเช้าส่งของ และเสาสัญญาณโทรศัพท์  

2.ช่องอานม้า (Chong An Ma) : อยู่ที่ ม.6 ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ในอุทยานแห่งชาติพระวิหาร เป็นช่องทางผ่านเข้าออกบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เป็นเส้นทางการค้าตั้งแต่ยุคขอมโบราณ บริเวณช่องเขาพนมดงรักที่เชื่อมต่อระหว่างสองประเทศลักษณะคล้ายอานม้า ต่อมาเป็นเส้นทางชักลากไม้ซุงเขมรมาไทยจากฝั่ง จ.จอมกระสาน และ จ.พระวิหาร ประเทศกัมพูชา

ห้วงสงครามกลางเมืองภายในกัมพูชา ชาวกัมพูชาหลบหนีภัยการสู้รบเข้ามาบริเวณชายแดน ไทยได้เอื้อเฟื้อพื้นที่จัดตั้งศูนย์อพยพตามหลักมนุษยธรรมโดยมีหน่วยงานของสหประชาชาติอำนวยการ หลังการสู้รบได้ส่งคืนผู้อพยพกลับประเทศแต่มีส่วนหนึ่งปักหลักตั้งถิ่นฐานอยู่ไม่ยอมกลับ ปี 2542 จ.อุบลราชธานี และ จ.พระวิหาร เห็นชอบเปิดช่องอานม้าเป็นจุดผ่อนปรนเพื่อการค้า กำหนดให้ตลาดฝั่งกัมพูชาอยู่บริเวณชุมชนเดิมนี้ ในขณะที่ตลาดฝั่งไทยลึกเข้ามาจากแนวเขตแดนประมาณ 300 เมตร คนกัมพูชาขึ้นมาจับจองพื้นที่ขยายชุมชนจากประมาณ 30 หลัง เป็นกว่า 100 หลังในปัจจุบัน ปี 2554 ในขณะมีข้อขัดแย้งพื้นที่เขาพระวิหาร กัมพูชาสร้างอนุสาวรีย์ตาอม ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทในการปกป้องดินแดนกัมพูชาเมื่อหลายร้อยปีที่ผ่านมา ฝ่ายทหารได้พยายามเจรจาและประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศรวม 65 ครั้งว่าเป็นการละเมิตข้อตกลง MOU43 แต่ฝ่ายกัมพูชาเพิกเฉย ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2568 อนุสาวรีย์ตาอมถูกทำลายโดยปืนใหญ่

3.ปราสาทตาเมือนธม (Prasat Ta Muen Thom) : อยู่บริเวณช่องเขาตาเมือน เทอกเขาพนมดงรัก ที่บ้านหนองคันนาสามัคคี ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เป็นปราสาทหินขอมโบราณ 3 แห่ง อายุราว 1,000 ปี สมัยพระเจ้าอุทัยทิตยวรมันที่ 2 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ปราสาทตาเมือนธม (สร้างด้วยหินทรายใช้ทำพิธีกรรม) ปราสาทตาเมือน (บายหรีม สร้างด้วยศิลาแลง ใช้เป็นที่พักคนเดินทาง) และปราสาทตาเมือนโต๊ด (สร้างด้วยศิลาแลง ใช้เป็นอโรคยาศาล สถานพยาบาล) กัมพูชาอ้างสิทธิ์แต่ไทยยืนยันว่าเป็นพื้นที่ข้อพิพาท การสู้รบที่นี่รุนแรงในช่วง 5 วันก่อนหยุดยิง เมื่อ 28 ก.ค. 2568 โดยไทยยึดได้ทั้งตัวปราสาทและพื้นที่โดยรอบ

4.ปราสาทตาควาย (Prasat Ta Khuai) เป็นปราสาทหินทราย ศาสนาฮินดู อยู่ทางตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ห่างกันราว 12 กม ภาษาเขมรเรียก ปราสาทตากรอเบย ប្រាសាទតាក្របី สร้างสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 และพระเจ้าชัยวรมันที่ 7  อายุราว 1,000 ปี อยู่บริเวณช่องตาควาย บ้านไทยนิยมพัฒนา ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กัมพูชาอ้างสิทธิ์ว่าปราสาทนี้ตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านแฌร์สลับ (Chher Slap) คุ้มโคกขปัวส์ (Kouk Khpos) สรุกบันเตียอ็อมปึล (Banteay Ampil) จ.อุดรมีชัย มีการปะทะใน เดือนกรกฎาคม 2568 โดยกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิด PMN-2 วางป้องกัน (ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา) แต่ไทยสามารถควบคุมเนิน 350 ที่สูงข่มและพื้นที่รอบปราสาทได้ โดยไม่เข้าไปในตัวปราสาทเนื่องจากความเสี่ยงจากระเบิดและการยิงจรวด BM-21 ของกัมพูชา กัมพูชาอ้างว่ายึดปราสาทตาควายได้ ทหารไทยเสียชีวิต 3 คน คือ สิบเอก นพดล บุญเลิศ, สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร, สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น สังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 

5.ช่องบก (Chong Bok) : เป็นช่องเขาตั้งอยู่ในพื้นที่ “สามเหลี่ยมมรกต” (Emerald Triangle) ที่เป็นรอยต่อ 3 ประเทศคือไทย ที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ลาวที่เมืองมูลประมุข แขวงจำปาศักดิ์ และกัมพูชา ที่เมืองจอมกระสานต์ จ.พระวิหาร มีประวัติการสู้รบเมื่อ พ.ศ.2528-2530 ระหว่างทหารไทยกับกองกำลังเวียดนามที่เข้ามาปราบเขมรแดงในกัมพูชา โดยใช้ปืนใหญ่ต่อสู้กัน โดยทหารไทยเสียชีวิต 109 คน บาดเจ็บ 664 คน ต่อมาในเดือนมีนาคม-พฤษภาคม 2568 กัมพูชาเข้ามาขุดคูยาว 650 เมตร ที่ช่องบก ซึ่งฝ่ายไทยได้ประท้วงว่าเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU43 จึงเกิดการปะทะ 10 นาที ทหารไทยยึดคืนหลังการปะทะวันที่ 28 พฤษภาคม ซึ่งทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย และทหารไทยถูกทุ่นระเบิดบาดเจ็บ 3 นายเมื่อ 16 กรกฎาคม 2568

6.ปราสาทโดนตวล (Prasat Don Tuan) : เป็นปราสาทขอมขนาดเล็กก่อด้วยอิฐและศิลาแลง อายุราว 1,000 ปี ตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง บนเทือกเขาพนมดงรัก ในอุทยานแห่งชาติพระวิหาร ที่บ้านภูมิซรอล ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ใกล้ผามออีแดง เป็นปราสาทหินอีกแห่งที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ 24 ก.ค.68ทหารกัมพูชาได้ใช้จรวดยิงเข้าบริเวณปราสาท ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บหลายนาย การยึดคืนที่นี่ช่วยให้ไทยควบคุมเส้นทางเชื่อมต่อกับจุดอื่นๆ โดยกัมพูชาโจมตีก่อนแต่ไทยตอบโต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  

7.เขาสัตตะโสม (Satta Som) : อยู่บริเวณภูเขาสูงข่มที่เป็นรอยต่อ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กับ อ.จอมกระสาน จ.สุรินทร์ ใกล้ช่องตาเฒ่า ปราสาทโดนตวลและผามออีแดง เป็นจุดยุทธศาสตร์ใกล้ชายแดนที่มีความสำคัญในการป้องกันการแทรกซึม เคยมีการปะทะกันช่วง พ.ศ.2550-2560 ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 20 นาย มีการสร้างอนุสรณ์สถานพิทักษ์ไทยที่สัตตะโสม เมื่อ 25 ก.ค.68 ไทยยึดคืนได้หลังจากการสู้รบที่กัมพูชาใช้รถถัง ปืนใหญ่  จรวด ยิงถล่ม ทำให้ จ.ส.อ. ธวัชชัย บุสภา (จ่าโต๋) ผุ้ตรวจการณ์หน้า ลว.ป6 พัน 106  เสียชีวิต 

8.ช่องจอม (Chong Jom) : อยู่ที่บ้านด่าน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ตรงข้ามกับบ้านโอร์เสม็ด อ.สำโรง จ.อุดรมีชัย ซึ่งมีถนนต่อไปยังเมืองเสียมราฐ (นครวัด นครธม) ใกล้ปราสาทตาเมือนและปราสาทตาควาย เป็นช่องเขาที่ใช้เป็นเส้นทางลำเลียงวัวควายและสินค้าผิดกฎหมายจากกัมพูชา ปัจจุบันเป็นจุดผ่านแดนถาวร มีบ่อนคาสิโนใกล้พรมแดน การควบคุมที่นี่ช่วยตัดกำลังเสริมของกัมพูชา โดยไทยตั้งฐานมั่นถาวรหลังยึดคืน

9.ช่องสายตะกู (Chong Sai Ta Ku) เป็นจุดผ่อนปรนทางการค้าตั้งอยู่ในตำบลจันทบเพชร อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ต่อกับช่องจุ๊บโกกี องบันเตียอัมปิล จ.อุดรมีชัย ซึ่งมีเส้นทางต่อไปยังจังหวัดเสียมเรียบ (นครวัด นครธม) ระยะทางถนนลาดยาง 193 กม. มีความสำคัญทางยุทธวิธีสำหรับการเฝ้าระวัง การปะทะที่นี่ส่วนหนึ่งเกิดจากโดรนบุกรุกแต่ไทยยึดคืนได้สำเร็จ

10.บริเวณรอบเขาพระวิหาร (Preah Vihear) : ปราสาทหินเขาพระวิหารเป็นจุดศูนย์กลางของข้อพิพาท ซึ่งศาลโลกตัดสินให้กัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังไม่มีการตัดสินชัดเจน ไทยยึดคืนพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อป้องกันการรุกล้ำเพิ่มเติม โดยเน้นการตั้งกำลังตรึง ปราสาทเขาพระวิหารบางส่วนได้รับความเสียหายจากการสู้รบ 

11.พลาญยาว (Plai Yao) : อยู่ด้านตะวันตกของเขาพระวิหารติดภูมะเขือ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นพื้นที่สูงที่เชื่อมต่อกับจุดอื่นๆ มีความสำคัญในการควบคุมทัศนวิสัย กัมพูชาโจมตีก่อนแต่ไทยตอบโต้และยึดคืนได้เมื่อ 29 ก.ค. 68

สรุปและผลกระทบ

การยึดคืนจุดยุทธศาสตร์ทั้ง 10 จุดนี้ถือเป็นชัยชนะทางทหารของไทย โดยกองทัพสามารถพิชิตพื้นที่สูงข่มและตัดเส้นทางลำเลียงของกัมพูชาได้ ส่งผลให้เกิดการหยุดยิงชั่วคราว แต่ยังคงมีความตึงเครียดจากโฆษณาชวนเชื่อทางไซเบอร์ของกัมพูชาและการละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศ   . เหตุการณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทหารไทยในการปกป้องแผ่นดิน แต่ยังเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศกลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาเขตแดนอย่างสันติ โดยมีประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากการอพยพและความเสียหายทางเศรษฐกิจ

โดย  สุริยพงศ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top