บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย หนึ่งในต้นเหตุข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

บทความพิเศษ : ‘รู้เขา รู้เขมร’ น้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย หนึ่งในต้นเหตุข้อพิพาทไทย-กัมพูชา

วันพฤหัสบดี ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568, 07.00 น.

ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชาในบริเวณอ่าวไทย มิได้เป็นเพียงเรื่องการกำหนดเส้นขอบเขตทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่มหาศาลจากแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอีกด้วย

ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา (OCA) ใกล้แหล่งเอราวัณของไทย  มีศักยภาพในการผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจำนวนมาก มูลค่าสูงถึงกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 10 ล้านล้านบาท)


ประเทศไทยและกัมพูชาได้มีการเจรจาเรื่องเขตแดนทางทะเลมาตั้งแต่ปี 2513 แต่ไม่สามารถทำความตกลงกันได้ จนเป็นที่มาของต่างฝ่ายต่างลากเส้นเขตไหล่ทวีประหว่างปี 2515-2516 กันขึ้นมาเอง

บริเวณอ่าวไทยประกอบด้วยแหล่งพลังงานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงเขตสัมปทานที่มีบริษัทพลังงานระหว่างประเทศเข้ามาดำเนินการ อาทิ ยูโนแคล (Unocal) เชฟรอน (Chevron) และโททาล (Total) ซึ่งการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้ได้กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการต่อรองทางการเมืองระหว่างสองประเทศ

ข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในอ่าวไทยมีรากฐานมาจากการที่ไทยและกัมพูชายังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการกำหนดเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (Exclusive Economic Zone - EEZ) และไหล่ทวีปในบริเวณดังกล่าว

เมื่อมีการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบริเวณที่เป็นพื้นที่พิพาท สถานการณ์ได้กลายเป็นซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างต้องการสิทธิในการควบคุมและได้ผลประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้

บทบาทของบริษัทพลังงานระหว่างประเทศ

ยูโนแคล (Unocal Corporation)

บริษัทยูโนแคลเป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานแรกๆ ที่เข้ามาดำเนินการในอ่าวไทย โดยได้รับสัมปทานในการสำรวจและผลิตน้ำมันในบริเวณที่ต่อมากลายเป็นพื้นที่พิพาท การดำเนินงานของยูโนแคลได้สร้างแรงกดดันทางการทูตระหว่างไทยและกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาถือว่าการให้สัมปทานดังกล่าวเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของตน

เชฟรอน (Chevron Corporation)

เชฟรอนได้เข้ามาดำเนินการในภายหลัง โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ซื้อกิจการของยูโนแคลในปี 2005 การดำเนินงานของเชฟรอนใน "บล็อก A" และ "บล็อก B" ได้กลายเป็นประเด็นการเมืองที่สำคัญ เนื่องจากกัมพูชาอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอำนาจศาลของตน

โททาล (Total S.A.)

บริษัทโททาลซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของฝรั่งเศสได้รับสัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาในการสำรวจและผลิตน้ำมันในบริเวณที่ไทยถือว่าเป็นเขตทับซ้อน การเข้ามาของโททาลได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับข้อพิพาท เนื่องจากทำให้เกิดการแข่งขันในการควบคุมทรัพยากรมากขึ้น

ปตท. (PTT Public Company Limited)

ในฐานะบริษัทพลังงานชาติของไทย ปตท.มีบทบาทสำคัญในการปกป้องผลประโยชน์ของไทยในอ่าวไทย บริษัทได้ดำเนินโครงการต่างๆ ในพื้นที่ที่ไทยถือว่าอยู่ในเขตอำนาจศาลของตน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไทย

Memorandum of Understanding (MOU) 44 เป็นความตกลงที่ลงนามระหว่างไทยและกัมพูชาในปี 2544 ภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหาทางออกร่วมกันในการจัดการข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล

ข้อตกลงนี้กำหนดให้มีการสำรวจและพัฒนาทรัพยากรร่วมกันในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท โดยผลประโยชน์จะถูกแบ่งปันระหว่างสองประเทศ อย่างไรก็ตาม MOU 44 ได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองภายในประเทศไทย เนื่องจากฝ่ายค้านโจมตีว่าเป็นการสูญเสียอำนาจอธิปไตยให้กับกัมพูชา

ข้อพิพาทนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทรัพยากรในบริเวณอ่าวไทยอย่างมีนัยสำคัญ การไม่สามารถตกลงกันได้ทำให้การลงทุนในการสำรวจและพัฒนาแหล่งพลังงานเกิดความล่าช้า ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงทางพลังงานของทั้งสองประเทศ

การมีอยู่ของทรัพยากรเหล่านี้มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากสามารถพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานของทั้งสองประเทศ

ผลกระทบทางการเมือง

ปัญหานี้ได้กลายเป็นประเด็นที่มีผลต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชาในระยะยาว การไม่สามารถหาทางออกที่ยอมรับได้ร่วมกันทำให้เกิดความตึงเครียดทางการทูตเป็นระยะๆ

ภายในประเทศไทย ประเด็นนี้ได้กลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองที่ใช้ในการโจมตีรัฐบาลที่อยู่ในอำนาจ โดยเฉพาะในเรื่องการเจรจาและการทำข้อตกลงกับกัมพูชา

ข้อพิพาทเรื่องน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยระหว่างไทยและกัมพูชาเป็นประเด็นที่มีความซับซ้อนทั้งในมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ และกฎหมาย การมีอยู่ของบริษัทพลังงานระหว่างประเทศ อาทิ ยูโนแคล เชฟรอน โททาล และปตท. ได้เพิ่มความซับซ้อนให้กับสถานการณ์

แม้ว่า MOU 44 จะเป็นความพยายามที่สำคัญในการแก้ไขปัญหา แต่การนำไปปฏิบัติยังคงเผชิญกับอุปสรรคทางการเมืองทั้งในไทยและกัมพูชา บทบาทของผู้นำทางการเมืองอย่างฮุนเซนและทักษิณ แสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความตั้งใจทางการเมืองอย่างแท้จริง

โดย สุริยพงศ์

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top