ในช่วงนี้ดูเหมือนว่าเด็กๆ ต้องเผชิญกับหลายโรคที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก อีสุกอีใส ไอพีดี โรคท้องเสีย โดยเฉพาะ “โรคมือเท้าปาก” ที่ทำให้หลายโรงเรียนต้องปิดการเรียนการสอนเพื่อหยุดการระบาดของโรค
ข้อมูลจาก พญ.มณินทร วรรณรัตน์ กุมารแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลเวชธานี อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า โรคมือเท้าปาก ว่าเกิดจากเชื้อไวรัสซึ่งอยู่ในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส ได้แก่ คอกซากี่ไวรัส (Coxsackie virus) บางชนิด และเอนเทอโรไวรัส 71 (Enterovirus 71) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในกลุ่มเด็กทารกและเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ความจริงโรคนี้จะสามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงฤดูฝนมักเป็นช่วงที่มีการระบาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอากาศมักเย็นและชื้น และมีความรุนแรงตั้งแต่น้อยจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
การติดต่อของโรค
ส่วนใหญ่เกิดจากได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ปากโดยตรง โรคติดต่อง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย โดยเชื้อไวรัสอาจติดมากับมือ หรือของเล่นที่เปื้อนน้ำลาย น้ำมูก น้ำจากตุ่มพองและแผล หรืออุจจาระของผู้ป่วย และอาจเกิดจากการไอจามรดกัน
การแพร่กระจายเชื้อ
จะเกิดได้ง่ายมากในเด็กเล็กที่ชอบเล่นคลุกคลีใกล้ชิดกันในโรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก หรือญาติพี่น้องที่อยู่รวมกันมากๆ รวมถึงการเล่นของเล่นในที่สาธารณะ ซึ่งในระยะที่เด็กมีอาการทุเลา หรือหายป่วยแล้วประมาณ 1 เดือน ยังคงพบเชื้อได้ในอุจจาระ แต่การติดต่อในระยะนี้จะเกิดขึ้นได้น้อย
อาการของโรค
หลังจากได้รับเชื้อ 3 – 6 วัน ผู้ติดเชื้อจะเริ่มแสดงอาการป่วย เริ่มด้วยมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย ต่อมาอีก1 - 2 วัน จะมีตุ่มแดงขนาด 2 - 8 มิลลิเมตร ที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม ต่อมาก็จะเห็นเป็นตุ่มน้ำสีเทาเล็ก ๆ เพราะตุ่มน้ำจะแตกเร็ว เห็นเป็นแผลตื้นๆ สีออกเหลืองเทา และมีผื่นแดงล้อมรอบแผลเล็กๆ อาจรวมเป็นแผลขนาดใหญ่ แผลเหล่านี้มักเจ็บ และทำให้เด็กไม่ยอมรับประทานอาหาร อีกทั้งยังทำให้ลิ้นมีสีแดงและบวมได้ แต่รอยโรคเหล่านี้มักจะหายไปใน 5 - 10 วัน
สำหรับผื่นที่ผิวหนังนั้น อาจเกิดพร้อมกับแผลในช่องปาก หรือเกิดหลังแผลในช่องปากเล็กน้อย อาจมีเพียง 2 - 3 จุด หรือมากกว่า 100 จุด โดยพบที่มือมากกว่าที่เท้า รอยโรคมักเป็นที่หลังมือ ด้านข้างของนิ้วมือ หลังเท้าและด้านข้างของนิ้วเท้า มากกว่าที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้นได้ด้วย รอยโรคที่ผิวหนังระยะแรกจะเป็นผื่น หรือตุ่มแดง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 - 10 มิลลิเมตร ที่ตรงกลางมีตุ่มน้ำสีเทา มักเรียงตามแนวเส้นของผิวหนัง และมีผื่นแดงล้อมรอบ ผื่นเหล่านี้จะคงอยู่ 2 - 3 วัน อาจมีอาการเจ็บ กดเจ็บ หรือไม่เจ็บก็ได้ ต่อมาจะเป็นสะเก็ด และตกสะเก็ดใน 7 - 10 วัน จนผิวแลดูปกติไม่มีแผลเป็น
การรักษา
โรคนี้ไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ ซึ่งเป็นการรักษาแบบประคับประคอง ได้แก่
การป้องกันโรค
ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก แบบเฉพาะเจาะจงต่อเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดอาการและภาวะแทรกซ้อนรุนแรง โดยเฉพาะโรคสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ระบบหายใจล้มเหลว
โดยวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปากได้ผ่านการวิจัยและศึกษานี้ รวมถึงใช้มาแล้วกว่า 48 ล้านโดสทั่วโลก ซึ่งไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรง จึงนับว่ามีความปลอดภัยสูง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคมือเท้าปาก แนะนำเริ่มฉีดในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ปี โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน
นอกจากนี้ โรคมือเท้าปากยังสามารถป้องกันโดยการรักษาสุขอนามัย ผู้ปกครองควรแนะนำบุตรหลาน และผู้เลี้ยงดูเด็กให้รักษาความสะอาด ตัดเล็บให้สั้น หมั่นล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ โดยเฉพาะหลังการขับถ่าย และก่อนรับประทานอาหาร รวมทั้งการใช้ช้อนกลาง และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น แก้วน้ำ ผ้าเช็ดหน้า และผ้าเช็ดมือ เป็นต้น
ในขณะที่สถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล ต้องจัดให้มีอ่างล้างมือและส้วมที่ถูกสุขสักษณะ หมั่นดูแลรักษาสุขลักษณะของสถานที่ และอุปกรณ์ให้สะอาดอยู่เสมอ รวมถึงการกำจัดอุจจาระเด็กให้ถูกต้องด้วย
หากพบเด็กป่วย ต้องรีบป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปยังเด็กคนอื่นๆ ควรแนะนำผู้ปกครองให้รีบพาเด็กไปพบแพทย์ และหยุดพักรักษาตัวที่บ้านประมาณ 7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ ระหว่างนี้ไม่ควรพาเด็กไปในสถานที่แออัด และผู้เลี้ยงดูเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระเด็กป่วย
หากมีเด็กป่วยจำนวนมาก อาจจำเป็นต้องปิดสถานที่ชั่วคราว (1 - 2 สัปดาห์) เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรค โดยใช้สารละลายเจือจางของน้ำยาฟอกขาว 1 ส่วนผสมกับน้ำ 30 ส่วน
โรคมือเท้าปาก โดยทั่วไปกรณีที่เป็นไม่รุนแรง สามารถหายได้เองภายในเวลา 5 - 7 วัน หรือไม่เกินสองสัปดาห์ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามผู้ปกครองยังต้องระมัดระวังดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพราะโรคนี้อาจทำให้เด็กมีไข้สูง จนกระทั่งชักได้ และบางรายอาจเกิดโรคแทรกซ้อนทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี