วันจันทร์ ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เรื่องราวของคนจีนโพ้นทะเล เชื้อสายไหหลำ (ไห่หนาน Hainan) ที่อพยพมาอยู่ในประเทศไทยจากเกาะไหหลำทางใต้ของประเทศจีน เป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์การอพยพที่น่าสนใจแต่กลับไม่ค่อยมีใครพูดถึงมากนัก แม้จะมีจำนวนไม่มากหากเทียบกับจีนแต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน หรือกวางตุ้ง ทั้งที่ชาวไหหลำเองก็มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยมาอย่างยาวนาน บทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจการเดินทางของพวกเขา ตั้งแต่เหตุผลในการอพยพ ช่วงเวลาที่เดินทางมาถึง แหล่งตั้งถิ่นฐาน ไปจนถึงบทบาทสำคัญที่ได้สร้างไว้ในประเทศไทย
ทำไมต้องอพยพ?
การอพยพของชาวจีนไหหลำส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงปลายราชวงศ์ชิง (ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 24) สาเหตุหลักมาจากความยากจนและปัญหาความไม่สงบทางการเมืองในบ้านเกิด ซึ่งเกาะไหหลำในขณะนั้นประสบปัญหาภาวะขาดแคลนที่ดินทำกินอย่างหนัก เนื่องจากประชากรหนาแน่นและพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาป่าทึบ ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีภัยธรรมชาติ เช่นพายุไต้ฝุ่น และสงครามกลางเมืองที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ลำบาก ชาวไหหลำจึงมองหาโอกาสใหม่ในดินแดนโพ้นทะเล และ สยาม (ประเทศไทย) เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญ เนื่องจากมีเส้นทางเดินเรือที่สะดวกและมีนโยบายต้อนรับชาวจีนอพยพ
มาเมื่อไหร่และมาที่ไหน?
การอพยพของชาวจีนไหหลำเข้าสู่ประเทศไทยมีหลักฐานว่าเริ่มขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 แต่การเดินทางมาอย่างหนาแน่นเกิดขึ้นในช่วงรัชกาลที่ 5 จนถึงรัชกาลที่ 7 เดินทางโดยเรือสำเภามาขึ้นฝั่งที่ท่าเรือสำคัญต่าง ๆ ทั่วประเทศ แต่แหล่งตั้งถิ่นฐานหลักที่ชาวไหหลำเลือก ได้แก่ กรุงเทพฯ โดยเฉพาะในย่านตลาดน้อย ถนนสุรวงศ์ สำเพ็ง เยาวราช นอกจากนี้ ยังมีชุมชนที่สำคัญในเมืองต่าง ๆ เช่น ภูเก็ต ระยอง ปัตตานี ชลบุรี ระยอง และ พัทยา เนื่องจากภูมิประเทศใกล้ทะเล ทำให้สามารถนำความรู้ความชำนาญด้านการเดินเรือและการทำประมงมาใช้ได้เป็นอย่างดี
จากเรือประมงสู่ธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม
เมื่อมาถึงประเทศไทย ชาวไหหลำส่วนใหญ่เริ่มต้นจากการทำงานที่ต้องใช้ความอดทนสูงและอาศัยความรู้ที่ติดตัวมาตั้งแต่บ้านเกิด อาชีพที่โดดเด่นของพวกเขาคือ การประมง และ การเป็นกุ๊กหรือพ่อครัว เนื่องจากมีฝีมือในการทำอาหารทะเลเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีความสามารถในการทำอาหารจีนแบบไหหลำที่รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ร้านอาหารไหหลำได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
จากจุดเริ่มต้นนี้เองที่ทำให้ชาวไหหลำหลายคนสามารถสร้างฐานะและขยับขยายธุรกิจไปสู่กิจการที่ใหญ่ขึ้น ทั้งใน ธุรกิจร้านอาหาร และ โรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องอาศัยทักษะด้านการบริการและความสามารถในการบริหารจัดการ อาชีพกุ๊กไหหลำจึงเป็นที่ต้องการอย่างมากในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นในครัวของโรงแรมหรู หรือแม้กระทั่งบ้านของเจ้านายและขุนนางชั้นสูง
สกุลสำคัญและบทบาทในปัจจุบัน
ชาวไหหลำที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยได้แก่สกุลจิราธิวัฒน์ เจ้าของธุรกิจกลุ่มเซนทรัล แม้ว่าชาวไทยเชื้อสายจีนไหหลำจะไม่ได้มีจำนวนมากเท่ากับชาวจีนกลุ่มอื่น ๆ แต่บทบาทของพวกเขากลับมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในด้านอาหารและการท่องเที่ยว ซึ่งได้สร้างชื่อเสียงและรายได้ให้กับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวของพวกเขาจึงไม่ได้เป็นเพียงแค่การอพยพเพื่อความอยู่รอด แต่ยังเป็นการสร้างและสืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมที่ล้ำค่าให้แก่สังคมไทยจวบจนปัจจุบัน
ในปีพ.ศ. 2563 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนขนาดใหญ่เพื่อเปลี่ยนเกาะไหหลำทั้งหมดให้เป็นท่าเรือการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในปี 2578 แผนนี้เกี่ยวข้องกับการสร้างศูนย์กลางสำหรับการจัดหาเงินทุนนอกชายฝั่งและการซื้อสินค้าปลอดภาษี รวมถึงการใช้ภาษีที่ลดลงและข้อกำหนดวีซ่าที่ลดลงเพื่อช่วยดึงดูดธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ สินค้าทั้งหมดที่ขายจากไหหลำไปยังส่วนอื่น ๆ ของจีนจะถือเป็นสินค้านำเข้าตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป
โดย อาทร จันทวิมล
ขอบคุณภาพจาก www.silpa-mag.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี