บทความพิเศษ : ‘รู้จักเรารู้จักจีน’ คนไทยเชื้อสายจีนยูนนาน

บทความพิเศษ : ‘รู้จักเรารู้จักจีน’ คนไทยเชื้อสายจีนยูนนาน

วันอังคาร ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ดินแดนเหนือสุดของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน มีชุมชนของ "คนไทยเชื้อสายจีนยูนนาน" หรือที่คนส่วนใหญ่มักเรียกว่า "จีนฮ่อ" จำนวนประมาณ 50,000 คน   เรื่องราวของพวกจีนฮ่อผูกพันกับเส้นทางค้าขายโบราณและการอพยพครั้งใหญ่ที่ข้ามพรมแดนมาจากมณฑลยูนนานของประเทศจีน

เส้นทางชีวิตจาก "จีนฮ่อ" สู่ "คนไทยเชื้อสายจีนยูนนาน" คำว่า "จีนฮ่อ" หมายถึง ชาวจีนชนเผ่าหุย (回族) นับถืออิสลามจากมณฑลยูนนานที่เป็นกลุ่มพ่อค้าเร่ เดินทางด้วย ม้า และ ล่อ เพื่อขนส่งค้าขายสินค้าตามเส้นทางโบราณที่เชื่อมต่อระหว่างมณฑลยูนนานกับพม่าและภาคเหนือของไทยมานานหลายศตวรรษ พวกเขาเป็นผู้บุกเบิกเส้นทางการค้าเส้นทางสายไหมตอนใต้ ในยุคที่การคมนาคมยังเป็นเรื่องยากลำบาก เส้นทางเหล่านี้มักจะเริ่มต้นจากเมืองสำคัญของจีนเช่น คุนหมิง และ เชียงรุ่ง ในเขต สิบสองปันนา ผ่านภูเขาสูงและเลาะเลียบไปตามแม่น้ำโขงมายังรัฐฉานของพม่า และภาคเหนือของไทย  สินค้าที่นำมาขายได้แก่ สมุนไพร  ชา  ฝิ่น ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์  ผักผลไม้ดอง เนื้อสัตว์แห้ง  หม้อ เครื่องประดับ  หยก   โดยมีที่ขายสินค้าสำคัญที่ตลาดนัดบ้านฮ่อ  ใกล้มัสยิดอัตต์กวา ในเชียงใหม่ 


การอพยพครั้งสำคัญที่สุดของคนจีนยูนนานมายังประเทศไทยเกิดขึ้นช่วงพ.ศ. 2492 หลังสงครามกลางเมืองของจีน เมื่อ "ทหารกองพล 93" ของพรรคก๊กมินตั๋ง นำโดยนายพลต้วน (General Tuam) ได้พ่ายแพ้พวกคอมมิวนิสต์ไม่สามารถกลับไปประเทศจีนได้ จึงอพยพเข้าสู่พรมแดนไทย-พม่า และได้รับอนุญาตให้ตั้งรกรากในพื้นที่ห่างไกลในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน การตัดสินใจตั้งถิ่นฐานในไทยของทหารเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นของการผสมผสานวัฒนธรรมและการสร้างชุมชนจีนยูนนานขึ้นในประเทศไทย

ชุมชนคนจีนยูนนานในประเทศไทย     ปัจจุบัน ชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนานอาศัยอยู่กระจัดกระจายในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ แต่ชุมชนใหญ่ที่รู้จักกันดีคือ บ้านสันติคีรี ที่ดอยแม่สลอง อ.แม่ฟ้าหลวง ในจังหวัดเชียงราย, บ้านรักไทย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน  ดอยอ่างขาง   อ.ฝาง  อ.แม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ นอกจากนี้ ยังมีชุมชนเล็กๆ อีกหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดตาก ลำปาง พะเยา และน่าน    ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

จากไร่ฝิ่นสู่สวนพืชเมืองหนาว     ในอดีต พื้นที่สูงหลายแห่งที่ชาวจีนยูนนานเข้ามาตั้งรกรากเคยเป็นแหล่งปลูก ฝิ่น ที่สร้างปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างมาก แต่ด้วยโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจทดแทน ชาวจีนยูนนานได้เปลี่ยนจากการปลูกฝิ่นมาเป็นปลูกพืชเมืองหนาว เช่น ชา, กาแฟ, บ๊วย, ท้อ, และ พลับ  ซึ่งสร้างรายได้และพัฒนาชุมชนได้อย่างยั่งยืน ปัจจุบัน พืชเหล่านี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนจีนยูนนาน และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสัมผัสวิถีชีวิตและชิมผลผลิตจากไร่ในพื้นที่สูง

นอกจากนี้ การค้าขายยังคงเป็นส่วนสำคัญในวิถีชีวิตของพวกเขา โดยมีการจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ทั้งชาคุณภาพดี, ของแห้ง, และอาหารจีนยูนนานต้นตำรับ เช่น ขาหมูหมั่นโถว, ก๋วยเตี๋ยวจีนยูนนาน, และซาลาเปาไส้ต่างๆ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรม ชุมชนจีนยูนนานในประเทศไทยมีความหลากหลายทางศาสนา โดยส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพุทธและลัทธิเต๋า แต่ก็มีชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนานที่นับถือ ศาสนาอิสลาม ด้วย ซึ่งเป็นมรดกทางวัฒนธรรมจากการเดินทางค้าขายในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มพ่อค้าที่เดินทางผ่านเส้นทางสายไหมในยูนนานที่เชื่อมต่อกับชุมชนมุสลิมในเอเชียกลางและจีน นอกจากนี้ การผสมผสานระหว่างประเพณีจีนกับวิถีชีวิตแบบไทยยังคงดำเนินต่อไป เช่น การเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญของจีนอย่างเทศกาลตรุษจีนและเทศกาลกินเจ ควบคู่ไปกับการเข้าร่วมประเพณีไทยอย่างเทศกาลสงกรานต์

สรุป

ชาวไทยเชื้อสายจีนยูนนานไม่ใช่เพียงแค่กลุ่มคนอพยพ แต่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยที่ได้นำเอาวัฒนธรรม, ความรู้, และความสามารถในการปรับตัวมาสร้างสรรค์ชุมชนใหม่ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะมาจากต่างแดน แต่ก็สามารถใช้ชีวิตและเติบโตในแผ่นดินไทยได้อย่างกลมกลืนและเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและเกษตรกรรม เรื่องราวของพวกเขาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานทางวัฒนธรรมที่งดงามในสังคมพหุวัฒนธรรมของประเทศไทย

โดย อาทร  จันทวิมล

ขอบคุณภาพจาก www.silpa-mag.com

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top