ในปัจจุบัน ทั้งอาหารและอาหารเสริมที่ช่วยบำรุงผิวหนังและเส้นขนของสุนัขและแมวของเรานั้นมีมากมายหลายหลากชนิด ดังจะเห็นได้จากสินค้าที่ในรูปของอาหารเม็ดสำเร็จรูปและอาหารเสริมต่างๆ วางจำหน่ายตามเพ็ทช็อปคลินิกสัตว์เลี้ยง ห้างสรรพสินค้า หรือร้านขายอาหารสัตว์เลี้ยง แล้วสารอาหารประเภทใดบ้างที่ส่งผลต่อสุขภาพผิวหนังและขนของสัตว์เลี้ยง วันนี้ผมมีข้อมูลจาก อ.สพ.ญ.ดร.ฉัตรวลี บุญธรรม มาฝากกันครับ
สารอาหารที่มีความจำเป็นที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพของผิวหนังและเส้นขนของสุนัขและแมว ได้แก่
1. โปรตีน
โปรตีน มีหน้าที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ดังนั้นโปรตีนจึงช่วยเสริมสร้างผิวหนังและเส้นขนให้แข็งแรง โปรตีนประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด ซึ่งกรดอะมิโนที่มีความจำเป็นกับผิวหนังและเส้นขน ได้แก่ เมไธโอนีน(Methionine) ซิสทีน (Cystine) เป็นต้น หากร่างกายขาดโปรตีน จะเกิดปัญหาเส้นขนไม่แข็งแรง แห้งกร้าน เปราะบาง หลุดร่วงและขาดง่าย รวมถึงผิวหนังหนาตัวและสีเข้มขึ้น เป็นต้น
ในปัจจุบัน เราพบปัญหาการขาดโปรตีนในสุนัขและแมวได้น้อยกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากส่วนใหญ่จะเลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารสำเร็จรูปที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น มีสารอาหารประเภทโปรตีนอยู่ค่อนข้างเพียงพอ แต่การขาดโปรตีนในสัตว์เลี้ยงนั้น มักจะเกิดในกลุ่มสัตว์เลี้ยงที่ได้รับอาหารประเภทปรุงเอง หรือ Home made มากกว่า เนื่องจากเจ้าของสัตว์ส่วนใหญ่มักเพิ่มปริมาณ “ข้าว” (ซึ่งเป็นสารอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต) ลงไปจำนวนมาก เพื่อให้สุนัขและแมวอิ่มท้อง จึงอาจทำให้เกิดภาวะขาดโปรตีนได้
2. กรดไขมันไม่อิ่มตัว (Polyunsaturated Fatty Acids; PUFAs)
กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จำเป็นสำหรับผิวหนังและเส้นขนในสุนัขและแมว ได้แก่ กรดไขมันชนิดโอเมก้า-3 (ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดการอักเสบของผิวหนัง) กรดไขมันชนิดโอเมก้า-6 (ที่ช่วยบำรุงผิวหนังให้มีความชุ่มชื้น เส้นขนเป็นมันเงา ไม่ขาดร่วงง่าย)
สุนัขและแมวที่ขาดกรดไขมันจำเป็นนั้น จะพบว่ามีขนที่หลุดร่วงง่าย แห้งกร้าน มีการอักเสบและติดเชื้อต่างๆ ได้ง่าย โดยปกติแล้ว สัตว์เลี้ยงที่ขาดกรดไขมันจำเป็นนั้น มักจะเกิดจาก “อาหารสำเร็จรูปที่ไร้คุณภาพ” (และอาจรวมถึงอาหารปรุงเองด้วย) หรือแม้กระทั่งกรณีที่ร่างกายสัตว์เลี้ยงมีปัญหาในการดูดซึมไขมัน เช่น ภาวะตับอ่อนอักเสบ เป็นต้น
ในปัจจุบันมีการใช้อาหารเสริมบำรุงขนในรูปแบบ “น้ำมันปลา” (fish oil) โดยในน้ำมันปลานั้นจะประกอบไปด้วย Omega-3 fatty acid 2 ชนิด คือ Decosahexaenoic acid (DHA) และ Eicosapentaenoic acid (EPA) ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถยับยั้งการแข็งตัวของเลือดได้ ดังนั้นการให้น้ำมันปลาในสัตว์ที่มีภาวะเกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด เช่น โรคพยาธิเม็ดเลือด ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือภาวะภูมิคุ้มกันทำลายเม็ดเลือด จึงต้องระมัดระวังและได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ
3. วิตามินเอและอนุพันธุ์ของวิตามินเอ
วิตามินเอ จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์เยื่อบุผิว ลดการสร้างของต่อมไขมัน ลดการอักเสบ รวมถึงช่วยเร่งการสร้างคอลลาเจน สัตว์เลี้ยงที่ขาดวิตามินเอจะพบปัญหาผิวหนังอ่อนแอ แห้ง หยาบกร้าน ผิวหนังหนาตัว ลอกหลุด ขนร่วง โดยวิตามินเอเป็นวิตามินในกลุ่มที่ละลายในไขมัน จึงมักพบภาวะขาดวิตามินเอในสัตว์ที่มีปัญหาในการดูดซึมไขมันด้วย ส่วนมาก เราจะไม่ค่อยพบปัญหาการขาดวิตามินเอ แต่มักจะพบปัญหาการได้รับวิตามินเอเกินขนาด จากการกินเครื่องในสัตว์มากเกินไป ก่อให้เกิดปัญหาที่ผิวหนังแห้งกร้านและปัญหาเรื่องข้อกระดูกตามมาได้
4. สังกะสี
สังกะสี เป็นแร่ธาตุที่ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ในชั้นหนังกำพร้า ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยขนส่งวิตามินเอในกระแสเลือด ทำให้ผิวหนังและเส้นขนมีสุขภาพแข็งแรง หากร่างกายสัตว์ขาดแร่ธาตุนี้ จะพบอาการคัน การมีผื่นแดง มีสะเก็ดรังแค ขนร่วง และอาจมีการติดเชื้อแทรกซ้อนตามมาได้ง่าย สัตว์เลี้ยงที่มีภาวะขาดแร่ธาตุสังกะสีมักจะพบว่า เกิดจากความผิดปกติในการดูดซึมแร่ธาตุสังกะสี แม้จะได้รับโภชนาการที่ดีก็ตาม
สายพันธุ์ที่พบปัญหานี้ได้บ่อย ได้แก่ Siberian husky, Alaskan malamute, Samoyed เป็นต้น การแก้ไขทำได้โดยการเสริมแร่ธาตุสังกะสีให้กินตลอดชีวิต โดยสัตวแพทย์ต้องคอยตรวจเช็คผลข้างเคียงจากการได้รับแร่ธาตุสังกะสีด้วย เนื่องจากแร่ธาตุสังกะสีที่กินมีหลายรูปแบบ แร่ธาตุสังกะสีบางรูปแบบอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ หรือแม้กระทั่งการได้รับสารอาหารชนิดอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการดูดซึมแร่ธาตุสังกะสีก็ทำให้เกิดภาวะขาดแร่ธาตุสังกะสีได้ เช่น อาหารที่มี Phytate แคลเซียม เครื่องใน ถั่วเหลือง เป็นต้น ในปัจจุบันการให้แร่ธาตุสังกะสีในรูปแบบ Zinc chelated ซึ่งเป็นรูปแบบที่ดูดซึมไปใช้ได้ดี ได้รับความนิยมและมีงานวิจัยที่สนับสนุนถึงผลลัพธ์ในการบำรุงผิวหนัง การเติมในอาหารสำเร็จรูปจึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจครับ
5. วิตามินอี
วิตามินอีเป็นวิตามินในกลุ่มที่ละลายในไขมัน จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่สามารถช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระในผิวหนังและเซลล์อื่นๆ ช่วยรักษาสภาพของเยื่อหุ้มเซลล์ นอกจากนั้นวิตามินอียังเป็นสารกันบูดตามธรรมชาติ จึงช่วยในการรักษาความสมบูรณ์ของอาหารสุนัขอีกด้วย
จะเห็นว่าสารอาหารต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพผิวหนังและเส้นขนเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อระบบอื่นๆ ของร่างกายอีกด้วยดังนั้นการได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วนในอาหารสำเร็จรูปที่ผลิตมาสำหรับสุนัขและแมวโดยเฉพาะ จะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมของสัตว์เลี้ยงที่เรารักตลอดช่วงชีวิตของเขา ทราบดังนี้แล้ว อย่าลืมกลับไปตรวจเช็คแร่ธาตุและสารอาหารในอาหารสำเร็จรูปของเรานะครับ ว่ามีคุณภาพดีเพียงพอแล้วหรือยัง
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และฝ่ายประชาสัมพันธ์ และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี