“ตัวเดียวอันเดียว” หรืออวัยวะเพศของเสือ และอีกสารพัดชิ้นส่วนสำคัญที่มาจาก “สัตว์ป่าหายาก” เช่น อุ้งตีนหมี ดีงู ถูกเชื่อกันมานานว่ามี “สรรพคุณพิเศษ” ทั้งบำรุงสมรรถภาพทางเพศบ้าง เป็นยาอายุวัฒนะกินแล้วร่างกายแข็งแรงแม้อายุมากบ้าง นำไปสู่ “ใบสั่ง” ให้บรรดาพรานเข้าไปลักลอบล่าสัตว์หายาก ซึ่งแม้จะผิดกฎหมายเพราะสัตว์หลายชนิดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่เมื่อคำนวณแล้วบางคนบอก “คุ้ม” เพราะผู้จ้างวานให้แสวงหามักเป็นคนระดับ “เศรษฐี” มีเงินถุงเงินถังพร้อมจ่าย

เรื่องราวของการบริโภคชิ้นส่วนสัตว์ป่าหายาก ถูกพูดถึงอีกครั้งกับกรณีการจับกุม เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คนแบบ “คาหนังคาเขา” ขณะตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ได้พร้อมของกลางซากสัตว์ ป่าเก้ง ไก่ฟ้าหลังเทา และซากเสือดำที่ถูกชำแหละแล้ว เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 ซึ่งช่วงแรกๆ ก็มีการตั้งคำถามว่า 
“เสี่ยเปรมชัย” ต้องการ “ตัวเดียวอันเดียวเสือดำ” ใช่หรือไม่? ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะทราบว่าเสือดำที่ตายเป็นตัวเมียไม่ใช่ตัวผู้

ชนาณัติ แสงอรุณ แพทย์แผนไทยแห่งคลินิกการแพทย์แผนไทยพุทธรักษาและกรรมการวิชาชีพแพทย์แผนไทย กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊คส่วนตัว “ชนาณัติ แสงอรุณ” เมื่อ 8 ก.พ. 2561 ไม่กี่วันหลังทราบว่าคณะของเสี่ยเปรมชัยมีการ “ต้มซุปหางเสือ” ว่ายาจากสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในตำราแพทย์แผนโบราณทางเภสัชกรรม “สัตว์บกที่นำมาใช้ทำยานั้นไม่ใช่เสือดำ แต่เป็นเสือโคร่ง” มีสรรพคุณยา คือ

(ตำราพระโอสถพระนารายณ์) “น้ำมันเสือ” มีรสเผ็ด ใช้ต้มผสมกับเหล้า กินแก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ผมหงอกก่อนวัย “เขี้ยวเสือ” มีรสเย็น มีสรรพคุณดับไข้พิษ ไข้กาฬ แก้พิษร้อน พิษอักเสบ พิษตานซาง “กระดูกเสือ” มีรสเผ็ดคาว เป็นยาบำรุงกระดูก บำรุงไขข้อและเนื้อหนัง แก้ปวดบวมตามข้อ แก้โรคปวดข้อ เป็นยาระงับประสาท แก้โรคลมบ้าหมู แก้ปวดตามข้อ เข่า กระดูก บำรุงกระเพาะอาหาร “หนังเสือ”มีรสเย็นเบื่อ เผาไฟผสมยาแก้หืด แก้เสมหะ น้ำนมเสือ มีรสมันร้อน มีสรรพคุณบำรุงกำลัง แก้หืด ดับพิษร้อน ดีเสือ มีรสขม แก้ชัก แก้ช้ำใน

“เอ็น (อวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้) เสือ” มีรสเผ็ด แก้โรคปวดตามข้อและกระดูก ตาเสือ มีรสเย็น ปรุงเป็นยาบำรุงสายตา ไตเสือ มีรสคาวมัน แก้อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เนื้อเสือ มีรสหวานอมเปรี้ยว เป็นยาบำรุงกระเพาะอาหาร ช่วยย่อยอาหาร บำรุงกำลัง แก้คลื่นไส้อาเจียน อย่างไรก็ตาม “สมัยนี้เขาไม่ใช้เสือทำยากันแล้ว และยังมีเครื่องยาสมุนไพรอีกหลายชนิดที่มีสรรพคุณดีใช้แทนเสือได้” เช่น นกกระจอก มีสรรพคุณยา บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง บำรุงความกำหนัด และต้นกำลังเสือโคร่ง มีสรรพคุณ บำรุงธาตุ บำรุงเส้นเอ็น เจริญอาหาร บำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย เป็นต้น

ขณะที่ นพ.กัมปนาท พรยศไกร ศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช แอดมินเพจ “Sarikahappymen” โพสต์ข้อความอธิบายว่า ความเชื่อของชาวจีนสมัยก่อนคือ “บำรุงสิ่งไหนต้องกินสิ่งนั้น” เช่น บำรุงตับกินตับ บำรุงไตกินไต และบำรุงสมรรถภาพทางเพศก็ต้องกินอวัยวะเพศ แน่นอนด้วยความที่เสือนั้นคือ “เจ้าป่า”เป็นสัตว์สัญลักษณ์ของพลังอำนาจ เสือก็เลยถูกมนุษย์ล่าเอาของ 2 อย่างคือ หนังกับอวัยวะเพศ แต่เมื่อเวลาผ่านไปมนุษย์มีความรู้มากขึ้น ก็ได้ทราบว่าที่เชื่อๆ กันมา “มโนไปเอง” ทั้งนั้น อาทิ

1.กินแล้วอวัยวะเพศใหญ่เหมือนเสือ ปกติอวัยวะเพศเสือเมื่อโตเต็มที่จะยาวประมาณ 7-10 นิ้ว ฟังดูแล้วหนุ่มๆ ก็คงอยากให้ของตนใหญ่แบบนั้นบ้าง “แต่อย่าลืมว่าเสือปกติหนัก 300 กิโลกรัม ดังนั้น เมื่อเทียบขนาดกับ
น้ำหนักตัวถือว่าเล็กมาก” ในทางกลับกันมนุษย์ที่หนัก 60-70 กิโลกรัม อวัยวะเพศของมนุษย์ผู้ชายก็ยาว 4-5 นิ้วขึ้นแล้ว สรุปว่ามนุษย์แทบจะเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะเพศยาวสุดในสัตว์โลกทั้งหลายเสียด้วยซ้ำ 2.กินแล้วปลายบานทรงสวยน่าเกรงขามเหมือนเสือ ความจริงคืออวัยวะเพศเสือรูปร่างปลายเรียวแหลมเล็ก มีหนามรอบตัวเหมือนดอกกระเจียวแค่นั้น

3.กินแล้วอึดเหมือนเสือ เรื่องนี้ก็ต้องบอกว่า “มโนไปเรื่อย” เพราะธรรมชาติของเสือ “ใช้เวลาผสมพันธุ์แต่ละครั้งแค่ 30 วินาที-1 นาที” จากนั้นก็จะหยุดพักไปอีกประมาณ 30 นาทีก่อนจะเริ่มร่วมเพศอีก วนเวียนไปแบบนี้ 30-50 ครั้ง ในวันหนึ่ง และ 4.กินแล้วคึกทุกวันเหมือนเสือ ความจริงคือ “เสือเป็นสัตว์ที่ผสมพันธุ์ปีละครั้ง” ดังนั้นใน 1 ปี เสือจะใช้เวลากับเพศสัมพันธ์เพียงไม่กี่วันที่เหลือก็ทำมาหากินล่าสัตว์ล่าเหยื่อกันไป

เช่นเดียวกับ ไพบูลย์ เฉลิมชัยกิจเจ้าของร้านขายยาจีน “เอี๊ยะแซ” ย่านเจริญกรุง-สัมพันธวงศ์ กทม. ยืนยันอีกเสียงว่า อวัยวะของสัตว์ป่าหายากไม่ว่าจะเป็นตัวเดียวอันเดียวของเสือ อุ้งตีนหมี ดีงู ทั้งหมดเป็นเพียงความเชื่อกันไปเองของคนสมัยโบราณเท่านั้น ไม่ได้เป็นยาโด๊ปมีสรรพคุณบำรุงกำลังจริงๆ แต่อย่างใด และย้ำว่าชิ้นส่วนสัตว์ป่าหายาก ที่ร้านไม่มีขายและคงไม่ขายด้วย เพราะไม่มีผลในทางยา

ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ขณะที่รังนก กระเพาะปลา รวมถึงสมุนไพรอย่างถั่งเช่า แม้มีสรรพคุณจริง แต่ก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับราคาที่แพงมาก หากมีคนมาขอซื้อก็จะขาย แต่หากถามว่าจะให้แนะนำหรือไม่ก็คงไม่แนะนำเพราะไม่คุ้ม ถ้าจะให้แนะนำคงแนะนำพวกพืชอย่างโสมเกาหลี โสมจีน เก๋ากี้ จะดีกว่า พร้อมกับฝากเตือนสติว่าชิ้นส่วนสัตว์หายากอย่าไปล่าไปหามาใช้เลย ให้เขาอยู่เป็นเพื่อนร่วมโลกของเราต่อไปเถิด

ถึงกระนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์ทุกคนอยากมีสุขภาพแข็งแรงจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต และหากเป็นมนุษย์ผู้ชายก็ยังอยาก “ปึ๋งปั๋ง-เตะปี๊บดัง” มีสมรรถภาพทางเพศพร้อมตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดขึ้นมาอีกเรื่องหนึ่งเพราะสถานะ “บ่มิไก๊” เป็นอะไรที่น่าอดสูมากสำหรับหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ จนนำไปสู่สารพัดความเชื่อที่ผิดๆ ข้างต้น ซึ่ง สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการด้านโภชนาการ ยืนยันว่า การกินตัวเดียวอันเดียวของสัตว์ใดๆ ก็ตามไม่จำเป็นต้องเป็นสัตว์หายากก็จะให้โปรตีน สารอาหารอื่นๆ บำรุงร่างกาย เช่นเดียวกับการกินเนื้อหมู ปลา ไก่ ไข่ นมและถั่วเมล็ดแห้ง

ส่วนความเชื่อการกินเนื้อเสือจะทำให้มีอำนาจบารมี ปลุกพลังทางเพศนั้นเป็นทัศนะมีอยู่จริงในคนบางกลุ่มเท่านั้น โดยเฉพาะคนร่ำรวย เป็นความเชื่อในกลุ่มคนจีนแต่โบราณมานานแล้ว ทำให้เป็นช่องทางของการทำธุรกิจขายของป่า ร้านอาหารป่า ที่มีนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีน เป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญ แต่ย้ำว่าคนที่มีความเชื่อดังกล่าวมักจะเข้าไม่ถึงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และเป็นความรู้สึกนึกไปเอง

“การจะมีความรู้สึกทางเพศที่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดปัจจัยเดียว แต่สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับสุขภาวะทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะด้านร่างกายถ้าเรากินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ ออกกำลังกาย ไม่เครียด จะทำให้ร่างกายแข็งแรง สมรรถภาพทางเพศ
ก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ซึ่งไม่จำเป็นต้องกินตัวเดียวอันเดียวของสัตว์หายาก” ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ฝากข้อคิด

ร้านยาจีน “เอี๊ยะแซ” และซินแสไพบูลย์ เฉลิมชัยกิจ เจ้าของร้าน (ภาพจากเฟซบุ๊ค “เจริญ ตันมหาพราน”)