มีมาให้เป็นข่าวอย่างต่อเนื่องจริงๆ ในช่วงนี้กับ “พฤติกรรมฉาววงการสงฆ์” ล่าสุดกับกรณี “หลวงปู่แสง” พระเกจิดัง อายุเกือบ 100 ปี แห่งวัดป่าดงสว่างธรรม จ.ยโสธร ถูกแฉคลิปวีดีโอลวนลามสีกา ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นข้อถกเถียงว่า หลวงปู่แสง ขณะที่กระทำนั้นมีสติสัมปชัญญะเพียงใด ดังที่ “ไพรวัลย์ วรรณบุตร” อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ตั้งข้อสังเกตว่า หลวงปู่แสงเป็นพระชราภาพ ทั้งยังมีสัญญาความจำเลอะเลือนแล้ว จึงตั้งคำถามว่าเหตุใดลูกศิษย์ทั้งที่เป็นพระและฆราวาสจึงยังปล่อยให้ออกรับญาติโยม จนเกิดภาพไม่เหมาะสมขึ้น
ขณะเดียวกัน “ความเชื่อแปลกๆ” ก็เป็นอีกประเด็นที่สังคมไทยเพิ่งจะเผชิญมาหมาดๆ กับผู้ตั้งตนเป็น “พระบิดาแห่งทุกศาสนา” ตั้งลัทธิประหลาดอยู่ที่ อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ สอนให้ลูกศิษย์หรือสาวกกินปัสสาวะ กินเสมหะ กินอุจจาระ รวมถึงขี้ไคล อ้างว่าเป็นยารักษาโรค เรื่องนี้ยังไม่ทันหายไปจากพื้นที่ข่าว ก็มีเรื่องหลวงปู่แสงอวดอ้างว่าการดื่มปัสสาวะรักษาโรคเข้ามาอีก
โดยเรื่องของการดื่มปัสสาวะนั้น บทความ “น้ำปัสสาวะรักษาโรคได้จริงหรือ?” ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ doctor.or.th ของนิตยสารหมอชาวบ้าน นิตยสารรายเดือนที่นำเสนอเนื้อหาด้านการดูแลสุขภาพ มาตั้งแต่ปี 2522 ระบุว่า มีบันทึกนับย้อนหลังนานนับพันปี ว่าตำรับยาโบราณในประเทศจีนและอินเดีย มีการใช้น้ำปัสสาวะเด็กมาทำเป็นยากระสายหรือตัวละลายยา ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุก็มีการใช้น้ำปัสสาวะ (น้ำมูตร) ดอง ลูกสมอหรือมะขามป้อมไว้ฉันเป็นยารักษาโรค ในวัฒนธรรมกรีกและโรมัน ก็มีบันทึกว่ามีการใช้น้ำปัสสาวะเป็นยารักษาโรค
ในสารานุกรมที่ตีพิมพ์ในเยอรมนีเมื่อปี 2390 ก็มีการกล่าวถึงสูตรยาผสมน้ำปัสสาวะ ใช้ทารักษาอาการผมร่วง ใช้หยอดตารักษาอาการเจ็บตา ใช้กลั้วคอแก้อาการเจ็บคอ ใช้ดื่มรักษาโรคดีซ่าน เป็นต้น ความเชื่อของคนไทยแต่โบราณก็มีในทำนองเดียวกันที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน และมีการปฏิบัติกันอยู่ในคนบางกลุ่ม เช่น การใช้ผ้าอ้อมชุบน้ำปัสสาวะเด็กแล้วกวาดลิ้นเด็กเพื่อแก้อาการฝ้าขาว, ใช้น้ำปัสสาวะทาหรือปัสสาวะรดบริเวณแผลที่ถูกแมลงต่อย เพื่อบรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อน เป็นต้น
ความเชื่อเรื่องปัสสาวะรักษาโรคได้ค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับความก้าวหน้าของวิชาการแพทย์แผนใหม่ (แผนปัจจุบัน) กระทั่งในปี 2520 โมราลจี เดซาย (Morarji Desai) นายกรัฐมนตรีอินเดียในขณะนั้น ออกมาเปิดเผยว่า ตนเองดูแลสุขภาพด้วยการดื่มปัสสาวะ โดยในขณะที่กล่าวนั้น ตนเองมีอายุ 81 ปี อีกทั้งญาติพี่น้องก็ปฏิบัติแบบเดียวกัน (โมราลจี เดซาย เกิดในปี 2439 และถึงแก่อนิจกรรมในปี 2538 รวมอายุทั้งสิ้น 99 ปี) ความเชื่อดังกล่าวจึงได้กลับมาถูกพูดถึงกันอีกครั้ง
ต่อมาในปี 2535 เรียวอิจิ นากาโอะ (Ryoichi Nakao) แพทย์ชาวญี่ปุ่น ผู้ซึ่งสนใจศึกษาค้นคว้าเรื่องปัสสาวะบำบัด (Urine Therapy) ได้เดินทางมาเผยแพร่ที่กรุงเทพฯ ยืนยันว่า น้ำปัสสาวะเป็นยาวิเศษ การดื่มน้ำปัสสาวะตนเองสามารถรักษาโรคได้สารพัด รวมทั้งโรคยากๆ เช่น มะเร็งและโรคเอดส์ ทำให้กลายเป็นข่าวเกรียวกราวในสังคมอยู่พักใหญ่ และมีการโต้แย้งอย่างคึกคักระหว่างฝ่ายที่เชื่อกับฝ่ายที่ไม่เชื่อ ในบทความข้างต้นของนิตยสารหมอชาวบ้าน ยังได้รวบรวมข้อสงสัยและข้อถกเถียงเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องนี้จำนวนมาก ณ เวลานั้น มานำเสนอไว้ด้วย
ในเดือน ก.ย.2562 เว็บไซต์ของ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เผยแพร่บทความ “ดื่มปัสสาวะรักษาโรคได้. จริงหรือ?” ซึงเขียนโดย ศ.(กิตติคุณ) นพ.เกรียง ตั้งสง่า สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ความเชื่อดังกล่าวไม่เป็นความจริง เพราะสารต่าง ๆ ที่ร่งกายขับออกมาทางปัสสาวะเกือบทั้งหมด เป็นสารของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญของร่างกาย และร่างกายไม่ต้องการใช้ ถ้าคั่งค้างในร่างกายจะเกิดผลเสียได้
โดยส่วนประกอบในปัสสาวะมี 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1.กลุ่มสารหรือของเสียที่ร่างกายกำจัดออก (Metabolic waste) ที่เกิดจากการสันดาปของร่างกาย ได้แก่ ยูรีย จากกรเผาผลาญโปรตีนและกรดอะมิโน กรดยูริค (Urc acid) จากการสลายสารอาหารกลุ่มพิวรีน สารประกอบดิโตน (Ketone compounds) จากการสลายไขมัน 2.ยาหรืออนุพันธ์ของยาที่รับประทานเข้าไป และ 3.เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่อาจปนเปื้อนออกมา
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการดื่มปัสสาวะตนเอง 1.ปัสสาวะมีความเป็นกรด (มีค pH ประมาณ 5 – 6.5) หากดื่มในขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดผลสียต่อเยื่อบุผนังลำคอ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารได้ 2.มีโอกาสได้รับสารอนุพันธ์ของตัวยา (ที่ร่างกายพยายามขจัดออกทางปัสสาวะ) กลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง เพิ่มความเสี่ยงของการสะสมยาในร่างกายมากเกินไป และ 3.มีความเสี่ยงของเชื้อโรคที่อาจปะปนมากับปัสสาวะ หรือ เกิดจากการจัดก็บปัสสาวะไม่ดี หรือ เก็บไว้เป็นระยะวลานานเกินไป
สำหรับประโยชน์อาจพบได้บ้างในปัสสาวะ คือ ฮอร์โมนบางประเภท เช่น urokinase ที่มีคุณสมบัติละลายลิ่มเลือดได้ แต่ก็เป็นปริมาณที่น้อยมาก โดยสรุปแล้ว การดื่มน้ำปัสสวะจึงทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายมากกว่าผลดี ที่สำคัญคือ ทำให้มีการสะสมของเสีย (ซึ่งร่างกายต้องการขจัดทิ้งไปแล้ว) กลับเข้าไปหมุนเวียนเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งหนึ่ง จึงไม่แนะนำให้ปฏิบัติ
ในวันที่ 9 ต.ค. 2563 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เผยแพร่บทความ “ข่าวปลอม อย่าแชร์! น้ำปัสสาวะ สามารถรักษาได้ทุกโรค” สืบเนื่องจากมีการคำแนะนำว่าน้ำปัสสาวะเป็นเป็นยาอายุวัฒนะ สามารถบำบัดรักษาโรคได้ ไม่ว่าจะนำมารักษาโรคงูสวัด ทำให้แผลสมานกันเร็ว รักษาแผลหนอง พุพอง อาการตาแดง และโรคมะเร็ง ซึ่งทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า น้ำปัสสาวะจัดเป็นของเสียที่ร่างกายขับออกมา
โดยในน้ำปัสสาวะประกอบด้วย น้ำ และเกลือแร่ (พบในปริมาณน้อย) ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของเสียจากการย่อยโปรตีน เช่น ยูเรีย แอมโมเนีย คีโตน ครีตินีน และอาจปนเปื้อนไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรืออาจมีไข่พยาธิปนเปื้อนอยู่ด้วย การนำน้ำปัสสาวะมาดื่ม ทา หรือหยอดตานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะไม่หายจากโรคเดิมแล้ว อาจทำให้อาการหนักมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้อาจมีความเสี่ยงและอาการอื่น ๆ ตามมา ได้แก่ 1.เสี่ยงต่อการติดเชื้อ 2.อาจได้รับสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย 3.ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคไต โรคตับ โรคหัวใจ อาจอาการแย่ลงได้ 4.คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรหลงเชื่อและไม่แชร์ข้อมูลดังกล่าว
ล่าสุด วันที่ 11 พ.ค. 2565 นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงกรณีลัทธิที่สอนให้บริโภคอุจจาระ ปัสสาวะและขี้ไคล โดยตอนหนึ่งระบุว่า ปัสสาวะ แม้จะผ่านการกรองออกจากร่างกาย แต่ก็ไม่สมควรนำไปดื่มอยู่ดี ซึ่งเป็นทำนองเดียวกับเสมหะที่ขับออกมา เป็นกลไกการดักจับเชื้อโรคของร่างกาย
อ้างอิง
https://www.doctor.or.th/ask/detail/2746 (น้ำปัสสาวะรักษาโรคได้จริงหรือ? : นิตยสารหมอชาวบ้าน)
https://chulalongkornhospital.go.th/kcmh/line/ดื่มปัสสาวะรักษาโรคได้ (ดื่มปัสสาวะรักษาโรคได้. จริงหรือ? : ศ.(กิตติคุณ) นพ.เกรียง ตั้งสง่า)
https://www.antifakenewscenter.com/ผลิตภัณฑ์สุขภาพ/ข่าวปลอม-อย่าแชร์-น้ำปั-4/ (ข่าวปลอม อย่าแชร์! น้ำปัสสาวะ สามารถรักษาได้ทุกโรค : ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)
https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/02/173894/ (กรมอนามัย เผย สุขอนามัยสำนักฤาษี ดื่มฉี่ กินอึ เสมหะ ขี้ไคล อาจขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
https://www.naewna.com/likesara/652778 'หลวงปู่ชื่อดัง' จับ'หน้าอก-อวัยวะเพศ'สีกา อวดอ้างดื่มปัสสาวะรักษาโรค (คลิป)
https://www.naewna.com/likesara/652984 'ไพรวัลย์'ฉะชุดใหญ่ ลูกศิษย์เอามาขาย ปกป้อง'หลวงปู่แสง'
https://www.naewna.com/likesara/652191 ผงะ! 'หมอปลา' บุกเจอ 11 ศพรอขึ้นสวรรค์ ในสำนักประหลาดลัทธิกินขี้ไคล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี