นายณัฐวัฒน์ โรจน์สุธี หรือ "ครูณัฐ" อายุ 35 ปี ครูสอนวิชาศิลปะโรงเรียนโยธินบูรณะ กทม.ที่ออกวิ่งจากโรงพยาบาลทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าสู่เส้นชัยที่โรงเรียนโยธินบูรณะ กทม. ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ครูณัฐสอนอยู่ เป็นระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร ระหว่างวันที่ 3-14 เม.ย.ที่ผ่านมา
จุดประสงค์ในการวิ่งนั้นก็เพื่อหารายได้ไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลทองผาภูมิ และโรงพยาบาลสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ซึ่งการวิ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.และเข้าเส้นชัยในวันที่ 14 เม.ย.รวม 12 วัน โดยได้รับเงินบริจาคจากประชาชนคนไทยที่ติดตามข่าวจากทั่วประเทศมากถึง 5,800,000 บาทเศษ และการวิ่งไม่ใช่เป็นเพียงแค่ระดมทุนเท่านั้น แต่ครูณัฐ ยังวิ่งเพื่อแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ ต่อต้านการล่าสัตว์ป่าทุกชนิดอีกด้วย ซึ่งครูณัฐเป็นคนรักการวิ่ง เพื่อออกกำลังกายเป็นชีวิตจิตใจ
แต่อีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนว่าทำไมครูณัฐถึงรักการวิ่งเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งครูณัฐ ได้เปิดใจครั้งแรกว่า "มันมาจากภัยของการติดบุหรี่นั่นเอง" นอกจากนี้ ครูณัฐ ยังได้อัดคลิปวีดีโอ ออกมาเผยแพร่ทางสื่อโซเซียลเพื่อต้องการให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่อีกทางหนึ่งด้วย
ครูณัฐ เปิดใจว่า "ผมเริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือในระดับชั้นมัธยมต้น น่าจะประมาณชั้น ม.2-3 แต่การสูบบุหรี่ในช่วงนั้นเป็นเพียงแค่การอยากลองเท่านั้น จึงไม่บ่งบอกถึงการเหนื่อย ยังไม่มีเอฟเฟกต์อะไรมากมาย จึงไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไรว่าการสูบบุหรี่จะทำให้มีผลต่อสุขภาพ ผมจึงรู้สึกเฉยๆ จนกระทั่งเรียนในระดับชั้นมัธยมปลายก็ยังสูบบุหรี่และสูบถี่ขึ้นจึงรู้ว่าติดบุหรี่ แต่ช่วงนั้นผมคิดว่าผมยังเป็นวัยรุ่น และชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่งและเล่นฟุตบอลรวมทั้งซ้อมมวย อยู่เป็นประจำ และด้วยพลังของวัยรุ่น จึงคิดว่าการติดบุหรี่คงไม่ส่งผลกระทบอะไรกับสุขภาพ จนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและวัยทำงาน ผมก็ยังสูบบุหรี่และสูบหนักขึ้น จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่การสูบบุหรี่ของผมไม่ใช่ว่าจะสูบวันละเป็นซอง เป็นเพียงแค่สูบวันละหลายมวลเท่านั้น"
"แต่มันมาเห็นผลตอนอายุเริ่มมากขึ้นในวัยทำงาน เริ่มหายใจไม่ออกขนาดไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนก็หายใจไม่คล่อง เวลาเดินก็เริ่มเหนื่อยง่าย ที่จริงในใจก็คิดอยากจะเลิกหลายครั้งหลายรอบแล้ว ซึ่งมันไม่ใช่เพิ่งมาคิดว่าอยากจะเลิกในช่วงวัยทำงาน แต่ยอมรับว่าใจไม่แข็งพอ"
ครูณัฐ บอกว่า การจะเลิกบุหรี่ มันอยู่ที่ใจจริงๆ ไม่ต้องไปโทษอะไรเลย มันอยู่ที่ใจ ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอก็ยังเลิกไม่ได้ ตนเคยทำทุกวิถีทาง และเคยเลิกได้นานที่สุดประมาณ 1 เดือนบางครั้งก็ประมาณ 1 อาทิตย์หรือ 2 อาทิตย์ แต่ก็กลับมาสูบอีก เพราะมันไม่ไหวจริงๆ
"ผมได้แรงบันดาลใจจากพี่ชาย พี่ชายของผมก็สูบบุหรี่เช่นกัน แต่เมื่อพี่ชายมีครอบครัวและลูก พี่ชายก็เลิกบุหรี่ทันที เพราะเห็นแก่ภรรยาและลูก ผมก็เลยมาคิดในใจว่าขนาดพี่ชายของเรายังเลิกบุหรี่ได้ เรามาลองเลิกบุหรี่ดูอีกครั้งดีไหม และสุดท้ายก็ตัดสินใจเริ่มสูบบุหรี่ลดน้อยลงๆ"
"ระหว่างลดสูบบุหรี่ผมก็ออกมาวิ่งและเตะฟุตบอลเพื่อให้ร่างกายมันดีขึ้นแต่ว่าตอนที่สูบบุหรี่ลดน้อยลงก็ยังมีความรู้สึกว่าเหนื่อยมาก จึงตัดสินใจเลิกบุหรี่ด้วยการหักดิบโดยที่ไม่แตะบุหรี่อีกเลย อีกทั้งช่วงนั้นเป็นช่วงวันเกิดของพี่ชายผมด้วยจึงคิดจะทำเพื่อพี่ชาย แต่พอผมหยุดสูบบุหรี่แล้ว มันหงุดหงิดและรู้สึกฟุ้งซ่าน จะทำอะไรก็รู้สึกทรมานมาก"
ครูณัฐ กล่าวต่อว่า "เมื่อตื่นนอนขึ้นมาในยามเช้า ก็จะมีอาการไอตามมา มีเสลดไหลออกมาเป็นเมือกสีขาวคล้ายเม็ดสาคู และจะเป็นเช่นนี้แทบทุกเช้าที่ตื่นนอนขึ้นมา จากนั้นจึงหันกลับไปวิ่งแข่งขันตามงานและรายการต่างๆ ที่มีการจัดขึ้นทั่วประเทศ จากการไปวิ่งตามรายการต่างๆถี่ขึ้น จึงทำให้ผมเลิกได้และไม่คิดถึงเรื่องของการสูบบุหรี่อีกเลยมาจนถึงปัจจุบัน"
ครูณัฐ บอกว่า การออกกำลังกายมันทำให้เลิกบุหรี่ได้จริง แต่ต้องทำเป็นประจำ และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมคิดได้ตอนที่ออกมาวิ่งครั้งแรกนั้นผมเคยวิ่งเป็นลม ตอนนั้นคิดว่าจะหันกลับไปสูบบุหรี่เหมือนเดิม แต่ในใจก็คิดว่าหากจะกลับไปสูบบุหรี่ เราก็ต้องเลิกวิ่ง แต่หากคิดจะวิ่งต่อเราก็ต้องตัดสินใจเลิกบุหรี่ เพราะเราเคยเป็นลมเกือบจะตายมาแล้วเพราะสูบบุหรี่
"ในที่สุดผมจึงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าเลือกที่จะวิ่ง การตัดสินใจวิ่งจึงเป็นเหตุผลที่ผมเลิกบุหรี่ได้ อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากพี่ชายของผมด้วย ซึ่งการออกกำลังกายจึงถือว่ามันทำให้เราเลิกบุหรี่ได้จริงๆ ดังนั้น ก็อยากฝากไปถึงทุกคนที่สูบบุหรี่ และกำลังคิดอยากจะเลิกมัน ให้ลองไปออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือจะออกกำลังกายด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่จะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและทำเป็นประจำทุกวัน อีกทั้งจะต้องตัดสินใจเลิกให้เข้มแข็ง เพราะการจะเลิกสูบบุหรี่นั้นมันต้องขึ้นอยู่ที่ใจของเราด้วย" ครูณัฐ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี