นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักนายณัชพล สุพัฒนะ หรือ มาร์ค พิทบูล อายุ 51 ปีประธานชมรมมิตรภาพพิทบูล เจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก Pitbullzone และว่าที่รองหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ โดยเฉพาะในสังคมโซเชียล เพราะ "มาร์ค พิทบูล" มีชื่อเสียงมาจากการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pitbullzone โดยลักษณะการไลฟ์สดนั้น พูดได้ว่ามีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร และพูดจาแบบดุเดือดทุกประเด็น จึงทำให้มีคนเข้าไปดูจำนวนมาก แต่การไลฟ์สดของมาร์ค พิทบูล ก็นำภัยมาหาตัวได้เช่นกัน 

"ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" จึงได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดเกี่ยวกับ "มาร์ค พิทบูล" ที่ไลฟ์สดจนเป็นข่าวใหญ่โตในโลกออนไลน์ และประเด็นที่สังคมรับไม่ได้ ต้องออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับ มาร์ค พิทบูล เช่น พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่ก่อนหน้าที่ได้เดินทางไปที่กองปราบฯ พร้อมทนายความเพื่อชี้เบาะแสให้ดำเนินคดีกับ มาร์ค พิทบูล ฐานลบหลู่พระพุทธเจ้า ดูถูกศาสนาพุทธ ที่จาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นพระศาสนาดาของศาสนาพุทธ ในกรณีที่นายมาร์ค เฟซบุ๊กไลฟ์ ซึ่งมีข้อความที่หมิ่นประมาท เหยียดหยาม ดูถูกพระบรมศาสดา และพระชาดก ว่าด้วยเรื่อง เวสสันดรชาดก ซึ่งเป็นพระชาดก ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสสอนเอง

ตามมาด้วยชมรมพระเครื่อง นำโดยนายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือนัท แฟนพันธุ์แท้ แชมป์จตุคามรามเทพปี 2550 รายการแฟนพันธุ์แท้ ที่ถึงขั้นบุกไปหาพร้อมกับเรียกร้องให้นายณัชพล ออกมาขอขมาพระพุทธศาสนา หลังจากที่ได้ไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊ก และเผยแพร่ถ้อยคำดูหมิ่นและเหยียดหยามพระพุทธศาสนาเช่นกัน โดยหลังจากนั้นนายณัชพล ได้ขอขมาและยกมือไหว้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายเคลียร์กันลงตัว 

ล่าสุดงานเข้า มาร์ค พิทบูล อย่างจังอีก เมื่อเจอ พ.ต.ท.ปฐวี ก้อนวิมล หรือ สารวัตรโก้ รอง ผกก.ป้องกันปราบปราม สภ.หนองวัวซอ ภ.จว.อุดรธานี ที่โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กท้า มาร์ค พิทบูล ชก เนื่องจากก่อนหน้านี้สารวัตรโก้ เห็น มาร์ค พิทบูล ไลฟ์สด เชิญชวนให้ประชาชนมาตีตำรวจที่ด่าน จึงท้าต่อย มีกติกาที่เป็นสากล จัดให้เป็นการกุศล 

ด้าน มาร์ค พิทบูล ก็ไม่รอทีออกมาตอบรับคำท้าทันควัน งานนี้จะหมูหรือจ่าคงต้องไปวัดกันบนเวที แต่ที่แน่ๆ มาร์ค พิทบูล คงต้องฝึกซ้อมให้มากกว่าปกติ เพราะรู้มาว่า พ.ต.ท.ปฐวี นอกจากจะเป็นนายตำรวจมือปราบแล้ว เขายังเป็นครูสอนยุทธวิธีให้แก่กำลังพลในสายงานป้องกันปราบปรามและสืบสวน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการทำงานด้วย

ศึกระหว่าง มาร์ค พิทบูล จบลงอีกครั้งเมื่อ พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) อุดรธานี ผู้บังคับบัญชา สารวัตรโก้ พ.ต.ท.ปฐวี ก้อนวิมล ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองหย่าศึกด้วยการตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองโดยจะขึ้นชกในเครื่องแบบเต็มยศนั้นไม่เหมาะสม

โดย พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า หากเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ได้เกี่ยวกับสถาบันตำรวจก็สามารถทำได้ ยกตัวอย่างกรณีศรีสะเกษ ขึ้นชกมวยคงไม่ผิดวินัยเพราะเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นอาชีพสามารถทำได้ แต่เมื่อเอาสถาบันตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องโดยจะขึ้นชกในเครื่องแบบเต็มยศนั้นไม่เหมาะสม ถือว่าก้าวล่วงสถาบันตำรวจซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทางผู้บังคับบัญชาก็ไม่สามารถอนุญาตให้ขึ้นชกลักษณะนี้ได้อยู่แล้ว 

"ขณะนี้ พ.ต.ท.ปฐวี ยังไม่ถึงขั้นผิดวินัย แต่ได้กำชับผู้บังคับบัญชาในชั้นต้นให้ควบคุมกำกับดูแลไปแล้ว หากเป็นเรื่องส่วนตัวก็ว่ากันไป ยิ่งหากชกกันแล้วทำไปเชิงสร้างสรรค์ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี ก็ไปว่ากันในกติกาของเกมกีฬา ขอย้ำว่าหากขึ้นชกโดนสวมเครื่องแบบ ทางผู้บังคับบัญชาไม่สามารถอนุญาตให้ขึ้นชกได้ ซึ่งในประเด็นนี้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็คงรู้สึกไม่สบายใจ เนื่องจากกระแสออกมาไม่ค่อยดี โดยการขึ้นชกแบบนี้ส่วนตัวแล้วมองเป็นการไม่สมควร ตำรวจเรามีหน้าที่พิทักษ์รับใช้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ.ต.ท.ปฐวี จบจากโรงเรียนนายร้อย นักเรียนนายร้อยทุกคนจะต้องท่องอุดมคติตำรวจทุกวัน" 

ขณะที่วันนี้ (18 พ.ค.) ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดต่อเรื่องนี้จาก มาร์ค พิทบูล 

อย่างไรก็ตาม สำหรับ มาร์ค พิทบูล โดยนิสัยพื้นที่ฐานส่วนตัวของเขามักเป็นคนที่พูดจาแบบดุเดือดทุกประเด็น และเป็นนักวิจารณ์ทางสังคมที่พูดอะไรออกมา แม้เพียงพูดเฉยๆ ก็งานเข้า มีปัญหาเกิดขึ้น 

หากจะไลฟ์สดอีกครั้งหน้า หรือครั้งต่อไป มาร์ค พิทบูล คงต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นอย่างสุภาษิตไทยที่ว่า “ปลาหมอตายเพราะปาก”