แท็กซี่ในประเทศไทยที่วิ่งให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีเป็นจำนวนมาก แต่ละคันมีการบริการที่แตกต่างกันไป และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมาพอสมควรเกี่ยวกับการให้บริการกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าเที่ยวในประเทศไทยทั้งในแง่บวกและลบ
วันนี้ "ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ได้พบกับแท็กซี่คันหนึ่งที่วิ่งรถบริเวณสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ โดยภายในรถของเขาหากใครได้ขึ้นไปนั่งใช้บริการจะต้องแปลกใจ เพราะรถคันนี้จะเต็มไปด้วยธนบัตรไทย และเงินสกุลต่างๆ จากหลากหลายประเทศติดอยู่ภายในรถเต็มไปหมด ซึ่งสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้โดยสารพอสมควรในระหว่างที่ต้องอึดอัดขณะที่รถติด
โดยรถแท็กซี่คันดังกล่าวเป็นรถโตโยต้า altis (อัลติส) สีเขียวเหลือง หมายเลขทะเบียน 1 มก 6263 เป็นของ "นายธงชัย ทองวอน" อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร เป็นคนขับและเจ้าของ
นายธงชัย เปิดเผยกับทีมข่าวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจในการสะสมธนบัตรไทย และเงินดอลลาร์ ติดไว้ในรถแท๊กซี่ของเขาว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนสะสมธนบัตรไทย และเงินสกุลต่างๆ เหล่านี้ สืบเนื่องมาจากตอนที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย เนื่องจากตนคิดถึงพระองค์ท่าน จึงได้นำพระบรมมาฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านและธนบัตรไทยทั้งเก่าและใหม่มาติดไว้ภายในรถ เพื่อน้อมระลึกถึงพระมหากรุณาที่คุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
หลังจากที่ติดพระบรมมาฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และธนบัตรไทยในรถแล้ว ต่อมาได้มีชาวเวียดนามโดยสารรถของตน เมื่อเขาเห็นพระบรมมาฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 และธนบัตรไทยที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่าน ชาวเวียดนามคนนั้นจึงขอติดธนบัตรประเทศของเขาติดไว้ในรถตนด้วย เพราะว่าเขาก็รักในหลวงของเราเหมือนกัน และต่อมาก็มีผู้โดยสารหลายคนจากประเทศต่างๆ ที่โดยสารรถตนก็ขอติดธนบัตรประเทศของเขาไว้ในรถของตนมาตลอด โดยเขาบอกติดไว้เพื่อเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเขาเคยมาประเทศไทย
นอกจากนี้ เวลาที่เขายื่นธนบัตรประเทศของเขาให้กับตนเพื่อนำไปติดไว้ในรถ ตนเห้นได้อย่างชัดเจนว่า เขาจะรู้สึกดีใจและรู้สึกสนุกตื่นเต้นทุกครั้ง ขณะที่บางคนจะเขียนข้อความและลายเซ็นไว้บนธนบัตรประเทศของเขาเพื่อบ่งบอกว่า "เขามาจากที่ไหน และรู้สึกอย่างไรกับประเทศไทย"
ส่วนข้อความที่เขียนบนธนบัตรส่วนใหญ่จะเขียนเป็นภาษาของประเทศเขา เท่าที่เห็นคือ I love Bangkok., ไทยกับจีนเป็นพี่น้องกัน, ฉันรักประเทศไทย, ฉันชอบประเทศไทย, บางคนเขียนชื่อ และลายเซ็นไว้ รวมถึงเขียนว่าเค้ามาจากที่ไหน
ผู้โดยสารบางคนเมื่อขึ้นมาบนรถแล้วเห็นธนบัตรที่ติดอยู่ก็จะนั่งมองแล้วยิ้ม หากเป็นชาวต่างชาติก็จะมองหาธนบัตรของประเทศตัวเองว่ามีไหม ยิ่งเมื่อเขาเห็นลายเซ็นหรือข้อความเล็ก ๆ ที่เพื่อนร่วมประเทศของเขาเขียนไว้บนธนบัตรประเทศของเขาแล้วพวกเขาก็จะยิ้มและมีความรู้สึกที่ดีกับเรา แต่ถ้าหากเป็นคนไทยก็จะถามตรงๆ ว่า ผมไปต่างประเทศมาหรือถึงเก็บสะสมธนบัตรได้มากขนาดนี้ บางคนก็จะถามว่าทำไมไม่เอาธนบัตรเหล่านี้ไปแลกเป็นเงินไทย ตนจึงตอบกลับไปว่า ถ้าหากนำไปแลกก็จะมีกินมีใช้แค่เพียงวันนี้ แต่หากธนบัตรเหล่านี้ติดอยู่ตรงนี้มันยังคงมีค่าทางจิตใจของเราตลอดไป
"มันเป็นมุมมองดีๆ จากผู้โดยสารที่ใช้บริการกับเราโดยเฉพาะคนไทยที่คงคิดว่าเราบริการชาวต่างชาติดีเขาจึงให้ธนบัตรไว้เป้นที่ระลึก ซึ่งบางคนให้มากกว่าค่าโดยสารเสียอีก บางคนก็ตื่นเต้นหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่ใช่แค่ชาวต่างชาติเท่านั้นที่อยากมีส่วนร่วมตรงนี้ คนไทยก็มี ทำให้ผมรู้สึกดีใจมาก เพราะทุกคนจากหลายๆ ประเทศรวมถึงคนไทยด้วยที่มีส่วนร่วมตรงนี้ ซึ่งธนบัตรทุกใบมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผมมากไม่ว่าแบงก์นั้นจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหนผมจะเก็บไว้ทุกแบงก์" นายธงชัย กล่าว
นายธงชัย เล่าต่อว่า ส่วนผู้โดยสารคนไทยที่เข้ามาเห็นก็จะมักถามว่า ทำไมไม่เอาธนบัตรเหล่านี้ไปแลกเป็นเงินไทย ตนจึงตอบกลับไปว่า ถ้าหากนำไปแลกก็จะมีกินมีใช้แค่เพียงวันนี้ แต่หากธนบัตรเหล่านี้ติดอยู่ตรงนี้มันยังคงมีค่าทางจิตใจของเราตลอดไป
"ผมเริ่มสะสมธนบัตรมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2560 จนมีธนบัตรจากหลายประเทศติดอยู่ในรถของผมจำนวนมาก ต่อมาผมได้แบ่งปันธนบัตรให้กับเพื่อนๆ แท๊กซี่ด้วยกันนำไปติดไว้ในรถของเขาบ้าง พร้อมกับแนะนำว่าการขับรถแท๊กซี่ หากเรามีการบริการที่ดีโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เราไม่จำเป็นต้องไปบวกราคาโดยสารเพิ่ม หรือคิดเหมาราคาโดยสารก็ได้ เพราะหากเราบริการผู้โดยสารดี เขาก็จะให้ทิปเรามากกว่าราคาโดยสารเสียอีกอย่างเช่นที่ผมได้มา" นายธงชัย กล่าว
พร้อมกับบอกด้วยว่า สำหรับธนบัตรประเทศที่ตนยังไม่เคยได้เลยก็คือประเทศอิตาลี ตนได้คุยกับคนไทยที่มีแฟนเป็นชาวอิตาลี เขาบอกว่าคนอิตาลีส่วนใหญ่จะเป็นคนที่ทำงานหาเงินด้วยตนเอง หากเขาต้องเสียเงินกับอะไรสักอย่างเขาจะต้องคิดก่อน เพราะเขาทำงานเหนื่อย จึงรู้ว่าวัฒนธรรมการให้ของคนละประเทศไม่เหมือนกัน ส่วนคนจีนนั้นให้แล้วก็ให้อีก
อย่างไรก็ตาม นายธงชัย ยอมรับว่า ตอนที่เริ่มสะสมธนบัตรใหม่ๆ ก็รู้สึกดีกับมัน แต่ตอนหลังๆ มารู้สึกเฉยๆ เพราะว่าการมีความสุขมากในระหว่างตอนที่เก็บและสะสม ผู้โดยสารให้เราโดยที่เราไม่ต้องขอ และเราไม่ต้องคิดว่าเมื่อมีผู้โดยสารแล้วจะต้องได้เงินตอบแทนเป็นธนบัตร เพราะเมื่อเราคิดมันก็จะเป็นทุกข์มากกว่าสุข
นายธงชัย เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองด้วยว่า ตนเป็นคนกรุงเทพมหานคร แต่งงานกับภรรยา ที่เป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลจังหวัดสุรินทร์ ส่วนตนขับแท็กซี่มากว่า 20 ปีแล้วตั้งแต่ยังไม่มีสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันในช่วงเช้าตนจะวิ่งรถบริเวณสนามบินดอนเมือง และช่วงเย็นจะวิ่งรถบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งในรถของตนจะมีน้ำดื่มลูกอมไว้คอยบริการผู้โดยสาร ถ้าเป็นผู้โดยสารชาวต่างชาติเมื่อเราหยิบน้ำในรถให้เขาพวกเขาก้จะรับและดื่มเลย ต่างกับคนไทยเมื่อส่งให้ก็จะระแวงและหวาดกลัวว่า ในน้ำดื่มมีสิ่งไม่ดีอยู่
นายธงชัย ยอมรับว่า คนขับแท๊กซี่บางคนจะเอาเปรียบผู้โดยสาร ตรงนี้ตนก็อยากบอกว่าการกระทำอย่างนั้นมันคือการทำลายภาพลักษณ์ของคนขับแท็กซี่ทั้งหมด ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง แต่เข้าใจว่าภาวะอารมณ์จิตใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะที่ตนก็เป็นคนขับแท๊กซี่คนหนึ่งมานานกว่า 20 ปีก็ต้องขอโทษผู้โดยสารแทนเพื่อนแท๊กซี่ด้วยกันจากใจจริง หากมีบางคนทีบริการไม่ดีกับผู้โดยสาร แต่ตนก็อยากจะบอกว่านอกจากคนขับแท๊กซี่แล้วผู้โดยสารที่ดีก็มี ผู้โดยสารที่ไม่ดีก็มีเช่นกัน
"แต่ในเมื่อเราประกอบอาชีพเป็นคนขับแท็กซี่เพื่อให้บริการกับประชาชนเราก็จะต้องตั้งมั่นที่จะต้องบริการให้ดี ทั้งหมดนี้อยู่ที่การบริการของเราหากเราบริการผู้โดยสารดีผมเชื่อว่าสิ่งดีดีก็จะเข้ามาโดยที่เราไม่ต้องร้องขออะไร" นายธงชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี