วันนี้ (10 ส.ค.) ที่ศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น นายสมหมาย เตชวาล รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วยนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น นายยงยุทธ ชำนาญรบ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวการจัดงานมหกรรมเปิดโลกไดโนเสาร์แห่งเทือกเขาภูเวียง ครั้งที่ 2 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11 - 25 สิงหาคม 2561 ที่บริเวณศูนย์ศึกษาวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์อำเภอเวียงเก่า ระหว่างเวลา 10.00-22.00 น.โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ
ภายในงานมีการจัดแสดงแสงสีไดโนเสาร์ยามค่ำคืนให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกับไดโนเสาร์จำลองเสมือนจริง นอกจากนี้ ยังมีการจำลองสภาพเทือกเขาภูเวียงขุดค้นไดโนเสาร์ กิจกรรมไดโนเสาร์ทริปตะลุยเส้นทางไดโนเสาร์ ณ หุบเขาภูเวียง พร้อมกับมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่นอีสาน การแสดงนิทรรศการและการจำหน่ายสินค้าขุมชนทุกค่ำคืน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดขอนแก่น และการเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นอุทยานธรณีระดับประเทศ
นายสมหมาย เตชวาล รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า กรมทรัพยากรธรณีได้ดำเนินกิจกรรมการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงวิชาการภายในพื้นที่ศักยภาพอุทยานธรณี และจัดมหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยว จึงได้กำหนดจัดมหกรรมเปิดโลกธรณีวิทยาเพื่อการท่องเที่ยว ครั้งที่ 2 ที่ศูนย์วิจัยและพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์อำเภอภูเวียง ซึ่งเป็นพื้นที่ศักยภาพอุทยานธรณีขอนแก่น และเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรณีวิทยาที่มีความโดดเด่นด้านซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ในระดับภูมิภาคระดับประเทศ และระดับสากล พร้อมทั้งมีทรัพยากรท่องเที่ยวที่หลากหลายทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร และสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์วัฒนธรรม และประเพณีท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
"สำหรับพื้นที่จัดงานแห่งนี้เกิดจากการขุดพบซากดึกดำบรรพ์ไดโนเสาร์ชิ้นแรกในประเทศไทย ปี 2519 บนเทือกเขาภูเวียงอำเภอภูเวียงในขณะนั้น ปัจจุบันคืออำเภอเวียงเก่า ทำให้เทือกเขาภูเวียงเป็นที่รู้จักระดับประเทศจนกระทั่งมีการค้นพบแหล่งไดโนเสาร์มากกว่าเก้าหลุม ขุดค้นพบซากกระดูกไดโนเสาร์หลายร้อยชิ้น และทำการศึกษาวิจัยพบว่าเป็นชนิดใหม่ สกุลใหม่ของโลกถึงสี่ชนิดในปี 2537 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระราชานุญาต ให้อัญเชิญพระนามาภิไธยเป็นชื่อไดโนเสาร์สกุลและชนิดใหม่ของโลกที่พบที่เทือกเขาภูเวียง ว่า "ภูเวียงโกซอรัสสิรินธรเน่" เป็นไดโนเสาร์ในกลุ่มสู้รบ ขนาดกลาง ความยาวประมาณ 20 เมตร กินพืชเป็นอาหาร เดิน 4 ขา คอยาว หางยาว ถือได้ว่าเป็นแหล่งที่ค้นพบไดโนเสาร์ที่สมบูรณ์ที่สุด" นายสมหมาย กล่าว
*แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์ในอุทยานแห่งชาติภูเวียง*
นับตั้งแต่ที่มีการค้นพบกระดูกไดโนเสาร์ชิ้นแรกของประเทศไทย ที่ห้วยประตูตีหมา เชิงภูประตูตีหมา อำเภอเวียงเก่า จังหวัดขอนแก่น ในปี พ.ศ. 2519 กรมทรัพยากรธรณีโดยโครงการความร่วมมือระหว่างไทย-ฝรั่งเศส ได้ทำการสำรวจขุดค้นอย่างจริงจังและต่อเนื่อง จนมีการค้นพบแหล่งไดโนเสาร์มากกว่า 10 แหล่ง พบกระดูกไดโนเสาร์นับร้อยชิ้นและหลายสายพันธุ์และรวมถึงรอยตีนไดโนเสาร์อีกมากกว่า 60 รอย หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน เช่น จังหวัดขอนแก่น อำเภอภูเวียง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และกรมทรัพยากรธรณี ได้เล็งเห็นความสำคัญที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาแหล่งไดโนเสาร์และก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ภูเวียง
แหล่งขุดค้นไดโนเสาร์จำนวน 4 แหล่งได้แก่ หลุม 1 หลุม 2 หลุม 3 และหลุม 9 ได้รับการพัฒนาโดยการก่อสร้างอาคารคุมหลุม โดยมีแผ่นกระจกใสให้นักท่องเที่ยวชมกระดูกไดโนเสาร์ ระหว่างหลุมขุดค้นได้จัดทำเส้นทางเดินเท้าเชื่อมต่อหากันทำให้สามารถเดินชมหลุมขุดค้นไดโนเสาร์ทั้ง 4 หลุมและยังได้ชื่นชมทัศนียภาพสองข้างทางในเขตอุทยานแห่งชาติภูเวียงการเดินชมแหล่งขุดค้นอย่างครบถ้วนแนะนำให้คนขับรถไปส่งที่ลานจอดรถใกล้หลุม 9 แล้วให้คนขับรถไปรอที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเวียง จากลานจอดรถเดินไปที่หลุม 9 ระยะทางประมาณ 500 เมตร เดินต่อไปที่หลุม 2 ระยะทางประมาณ 1100 เมตร เดินต่อไปสุสานหอยประมาณ 40 เมตร เดินต่อไปที่หลุม 1 ประมาณ 360 เมตร เดินต่อไปหลุม 3 ระยะทางประมาณ 1300 เมตร และเดินต่อไปที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูเวียงประมาณ 300 เมตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี