กลายเป็นกระแสออกมาต่อต้านและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางอีกครั้ง เกี่ยวกับกฎหมายจราจร ก่อนหน้านี้ได้มีกฎหมายมาหลายฉบับ อาทิ กำหนดให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้โดยสารต้องสวมหมวกนิรภัยเพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่ และโดยสารรถจักรยานยนต์ ซึ่งหากมีการฝ่าฝืนจะต้องโทษปรับไม่เกิน 500 บาท โดยห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่รถในขณะที่คนโดยสารรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกนิรภัย หากฝ่าฝืนผู้ขับขี่จักรยานยนต์จะถูกปรับเป็น 2 เท่าของโทษที่กำหนด
ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสำหรับการสนทนาโดยผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น จะถือว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ทำผิดเพราะใช้แอปพลิเคชั่นแต่อย่างใด แต่เพราะมีการใช้โทรศัพท์ ส่วนรถกระบะห้ามนั่งในแค็บและในท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คน แต่ห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือฝาปิดท้ายรถ เป็นต้น กฎหมายที่ออกมานั้น ช่วงแรกๆก็เข้มงวดและมีผู้ปฏิบัติตามกันอย่างเคร่งครัด แต่นานๆ เข้าพฤติการณ์การสัญจรบนท้องถนนก็กลับมาเหมือนเดิม
ล่าสุด ทางสังคมโลกโซเชียลออกมาถล่มอีกครั้งกับการออกกฎหมายจราจร ที่กรมการขนส่งทางบกเสนอยกร่างกฎหมายใหม่ เกี่ยวกับใบขับขี่ หากขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ มีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 3 เดือน จากเดิมโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 เดือน โดยกระแสส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นการเปิดช่องให้กรรโชกทรัพย์มากขึ้นหรือไม่?
แหล่งข่าวอาชีพขับรถแท็กซี่ เปิดเผยกับทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์ว่า การออกกฎหมายแบบนี้เข้าทางคนที่อยากกอบโกยมากกว่า ยิ่งคำว่าใช้ดุลพินิจนั้นพออ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว เจ้าหน้าที่ยิ่งออกกฎหมายมาแบบนี้เป็นการชี้โพรงให้กระรอก ยิ่งคนที่รักษากฎหมายควรจะใช้ดุลพินิจแบบดีหรือไม่ดีลองไปคิดกันดู ง่ายๆ เมื่อก่อนเวลาใครโดนจับยึดใบขับขี่ถูกปรับสูงสุด 500-1,000 บาท หากไปเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจ หากคุยกันได้จ่ายแค่ 100 บาท ปล่อยไป หากโทษปรับถึง 50,000 บาท สงสัยจะต้องจ่ายครั้งละ 1,000-5,000 บาท แน่นอน สิ่งที่ออกกฎหมายมานั้นต้องดูว่าใครได้ผลประโยชน์ และใครที่ถูกเอาเปรียบ ครั้งก่อนออกกฎหมายมาบังคับใช้สำหรับผู้ขับรถกระบะว่า ห้ามนั่งเกิน 6 คน สำหรับคนที่ซื้อรถกระบะมานั้น เขาซื้อมาเพื่อใช้งาน แต่มาออกกฎหมายแบบนี้ เท่ากับไม่เห็นใจคนทำมาหากินเลย
ส่วน แหล่งข่าวชาวจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า สำหรับกรณีดังกล่าวถ้าบุคคลไหนที่ยังไม่ได้ทำใบขับขี่แล้วขับรถ ตนเห็นด้วยในการเสียค่าปรับ แต่สำหรับกรณีลืมใบขับขี่มันเกินไป ส่วนดุลพินิจของตำรวจหากพบว่าลืมใบขับขี่และเหตุผลฟังขึ้นก็ไม่ควรจะปรับ เพราะเขามีเหตุผลจริงๆ แต่ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นแล้วปรับราคามันเกินกว่าเหตุ ควรปรับเท่าคนที่ไม่ได้ทำใบขับขี่เท่านั้นพอ ส่วนเรื่องการลดอุบัติเหตุไม่เกี่ยวกับการมีใบขับขี่หรือไม่มี แต่อยู่ที่ความประมาทของคนขับ ถ้าปฏิบัติตามกฎจราจรก็จะช่วยลดอุบัติเหตุให้น้อยลงซึ่งไม่เกี่ยวกับใบขับขี่เลย ตนเห็นด้วยกับการเสนอกฎหมายฉบับนี้ แต่ไม่เห็นด้วยกับการทดใช้ค่าปรับ เพราะดูแล้วราคามันสูงเกินไป อยากจะให้ปรับราคาให้มันเหมาะสม เพราะปรกติพกใบขับขี่ทุกวันพกติดตัวตลอด หากกฎหมายบังคับใช้จริงจะช่วยให้คนมีความรับผิดชอบในการพกใบขับขี่มากขึ้น และช่วยให้คนที่ไม่มีใบขับขี่ไปทำใบขับขี่มากขึ้น จะรู้กฎจราจรก่อนที่จะออกมาขับบนถนนใหญ่ ทำให้ลดอุบัติเหตุลงได้
ล่าสุด นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ออกมาเปิดเผยว่า กฎหมายด้านการขนส่งทางบกฉบับที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2522 ซึ่งการขอแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับเนื้อหาให้มีความทันสมัย และให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้มีส่วนในการสร้างความตระหนักและรับผิดชอบต่อสังคม
เนื่องจากข้อมูลศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย พบว่า กลุ่มผู้ขับขี่ที่ไม่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ มีโอกาสการเสียชีวิตร้อยละ 34 สูงกว่ากลุ่มผู้ขับขี่ที่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ถึง 2 เท่า และจากข้อมูลของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 15-19 ปี เป็นกลุ่มอายุที่มีการเสียชีวิตจากการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนสูงสุดเฉลี่ยปีละ 1,688 คน
นอกจากนี้ จากการศึกษาจากต่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน เช่น ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา พบว่า กรณีความผิดเกี่ยวกับการขับขี่โดยไม่มีใบอนุญาตขับรถในประเทศญี่ปุ่น มีโทษปรับไม่เกิน 300,000 เยน (88,000 บาท) หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี และถูกตัดแต้ม 12 คะแนน ส่วนประเทศสหรัฐอเมริกา มีโทษปรับไม่เกิน 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ (800,000บาท) หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี และถูกบันทึกประวัติตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตาม กฎหมายจราจรที่ออกมานั้นหลายฉบับถูกกระแสสังคมถล่มอย่างหนัก ปัจจุบันจะเห็นว่ายังมีผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายบนท้องถนนมากมาย สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าเป็นการที่กฎหมายไม่ได้จริงจัง ดังนั้น ต้องจึงต้องมาดูกันว่าการเสนอกฎหมายฉบับนี้จะต้องถอยไป เพราะทนกระแสสังคมไม่ไหวหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี