หนุ่มใหญ่วัย 50 ชาวอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ ใช้ภูมิปัญญาในการออกล่าหนูนา โดยใช้นิ้วชี้แตะกับริมฝีปาก “ทำเสียงหนูนากัดกัน” เหมือนมนต์เรียกหนู เพื่อหลอกล่อให้หนูนาออกมาจากที่หลบซ่อนตัวก่อนยิงด้วยหน้าไม้ เป็นวิธีการจับหนูที่ง่ายกว่าวิธีอื่น เพื่อนนายพรานยกนิ้วให้เป็นพรานล่าหนูขั้นเทพแห่งลุ่มน้ำปาว
19 พ.ย.61 จากเสียงร่ำลือ มีนายพรานล่าหนูนาฝีมือฉมังแห่งลุ่มน้ำปาว ออกล่าหนูนาโดยภูมิปัญญาที่ไม่เหมือนใคร คือใช้นิ้วชี้แตะที่ริมปากฝีแล้วดูดให้เกิดเสียง ซึ่งเป็นการเลียนเป็นเสียงหนูนากัดกัน ในวงการเรียกว่า “แอ๊วหนู”ทั้งนี้เพื่อหลอกล่อให้หนูนาออกมาจากที่หลบซ่อน พร้อมส่องไฟมองหา ก่อนที่จะใช้หน้าไม้ยิงอย่างแม่นยำและได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์
ผู้สื่อข่าวจึงได้ติดตามหาจนพบตัวนายพรานล่าหนูคนดังกล่าว ทราบชื่อนายสุทะนา มีคุณ อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 124 หมู่ 7 เป็นชาวบ้านโคกก่อง ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งกำลังเตรียมเครื่องมือออกล่าหนูนา ศัตรูตัวร้ายที่กัดทำลายต้นข้าว และยังนำมาประกอบเป็นอาหารประจำฤดูที่เลิศรส ที่นักเปิบเรียกร้องในช่วงนี้
นายสุทะนา กล่าวว่า ในช่วงที่รวงข้าวตามท้องนากำลังแก่ ได้อายุเก็บเกี่ยว ซึ่งเมล็ดข้าวเปลือกจะมีกลิ่นหอมมัน หนูนาที่อาศัยอยู่ตามท้องไร่ท้องนาธรรมชาติ ก็จะออกมาหากินในเวลากลางคืน ซึ่งชาวบ้านที่เป็นนักล่าหนูนา ก็จะออกหาจับหนูนาเพื่อนำมาประกอบอาหารจานเด็ดได้หลายอย่าง อ่อม ผัดเผ็ด ย่าง หมก คั่ว ซึ่งจะให้รสชาติเอร็ดอร่อย ได้ประโยชน์ทั้งคุณค่าโปรตีน แคลเซียม และไขมัน บางคนยังมีความเชื่อว่าถ้าได้เปิบหนูนาในฤดูหนาว จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นคลายหนาวอีกด้วย
นายสุทะนา กล่าวอีกว่า หนูนาจึงเป็นอาหารประจำฤดูยอดฮิตของชาวบ้าน ซึ่งนิยมหาจับในช่วงนี้ ที่รสชาติจะมีความมัน เนื้อมาก นุ่มเหนียว หากเป็นช่วงฤดูฝนจะมีกลิ่นคาว เนื้อจืด ปรุงไม่ขึ้น จึงพากันออกหาจับในช่วงนี้ หากจับได้หลายตัว ก็จะนำไปขายตัวละ 60-120 บาท ตามขนาดตัวเล็กตัวใหญ่ โดยจะใช้วิธีการจับต่างๆ ตามที่ตนถนัด โดยทั่วไปคือใช้บ่วง แร้ว ตาข่าย กับดัก หรือวางเหยื่อล่อตามบริเวณที่หนูขุดรู หรือเส้นทางเทียวตามร่องน้ำ พงหญ้า คันนา แล้วคอยดักซุ่มยิง
“การจับหนูทุกวิธีทำมาหมด แต่ที่ได้ผลที่สุดคือการทำเสียงเลียนเสียงหนูกัดกัน ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าการแอ๊วหนู โดยใช้นิ้วชี้ด้านหน้ามือแตะกับริมฝีปาก แล้วดูดให้เกิดเสียงดังจี๊ดๆ เหมือนเสียงร้องของหนูนาที่กำลังกัดกัน ช่วงที่ทำเสียงแอ๊วหนูอยู่นั้น ก็ใช้เท้าเขี่ยใบไม้ใบหญ้าให้ดังแกรกๆด้วย เพื่อให้หนูเข้าใจว่ามีหนูต่างถิ่นเข้ามากัดกันในอาณาเขตของมัน ขณะเดียวกันก็จะส่องไฟมองหาตัวหนู ซึ่งหากบริเวณนั้นมีหนูอยู่และพอมันได้ยินเสียงดังกล่าว ที่มันเข้าใจว่าเป็นหนูตัวอื่นเข้ามาบุกรุก มันก็จะกระโดดออกมาจากที่หลบซ่อนตัว เพื่อขับไล่ตามสัญชาตญาณ ตนก็จะใช้เครื่องมือสำหรับจับหนูคือหน้าไม้ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วยิงสวนทันที และสามารถจับหนูอย่างง่ายดาย และได้ผลกว่าวิธีอื่น” นายสุทะนากล่าว
นายสุทะนา กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีแอ๊วหนูดังกล่าว เป็นภูมิปัญญาที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดา หลายคนในหมู่บ้านแอ๊วหนูเป็น แต่จะแตกต่างกันตรงที่ว่าใครจะเลียนเสียงได้เหมือนกว่ากัน สำเนียงใครจะใกล้เคียงเสียงหนูมากกว่า หรือใครจะหลอกให้หนูหลงเชื่อได้มากกว่ากัน สำหรับตนได้รับการยอมรับจากเพื่อนนายพรานล่าหนูนา ว่ามีความสามารถในการแอ๊วหนูมากกว่าคนอื่น ตนจึงแอ๊วหรือทำเสียงเลียนแบบเสียงหนูอย่างเดียว ไม่ใช้วิธีอื่น
“จากประสบการณ์ในการแอ๊วเสียงล่าหนูกว่า 30 ปี จึงเหมือนเป็นคาถาเรียกหนูล่าหนูให้ออกมาจับอย่างง่ายดาย ในช่วงเดือนกลางเดือนพฤศจิกายน - ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลล่าหนูนา จึงสามารถล่าได้หลายร้อยตัว เฉลี่ยคืนละ 10 ตัว ซึ่งจะตะเวนหาไปเรื่อยๆในเขตที่นาตนเองบ้าง ญาติพี่น้องบ้าง ที่สาธารณะบ้าง บางครั้งไปล่าต่างตำบล ต่างอำเภอ โดยเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 19.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งเป็นช่วงที่หนูออกหากิน หากพบแหล่งหนูชุกชุมก็หาได้มาก บางเดือนมีรายมีได้จากการขายหนูนาถึง 2 หมื่นบาททีเดียว” นายสุทะนากล่าว
ทั้งนี้ การล่าหนูนา ซึ่งเป็นวิถีชาวบ้าน โดยการใช้เครื่องมือสำหรับจับหรือโดยการยิงด้วยหน้าไม้ เป็นการใช้ภูมิปัญญาที่ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะได้อาหารและนำไปจำหน่าย มีรายได้เข้ากระเป๋าแล้ว ยังเป็นกำจัดศัตรูทำลายข้าวให้กับชาวนาอีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี