ท่านพระอาจารย์สําคัญรูปหนึ่งท่านปรารถนาพุทธภูมิ คือ ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ครั้นมาระลึกชาติได้ว่าเคยเกิดเป็นไก่หลายร้อยหลายพันชาติก่อนที่จะได้มาเป็นมนุษย์ในชาตินี้ ท่านก็เปลี่ยนความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธะ มาเป็นพระผู้ไกลกิเลสไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป เพราะท่านสลดสังเวชชีวิตที่ผ่านมาแล้วมากมาย และหวาดเกรงชีวิตที่จะต้องพบอีกต่อไป นับภพชาติไม่ถ้วนกว่าจะถึงจุดปรารถนา คือ พุทธภูมิ ซึ่งมิใช่ว่าจะไปถึงกันได้โดยง่ายโดยเร็ว จะต้องใช้เวลานานแสนนานในอีกหลายร้อยหลายพันภพภูมิโดยไม่อาจรู้ได้ว่ากรรมจะนําให้ไปเป็นอะไรลําบากยากเข็ญอย่างไร
ซึ่งสําหรับท่านผู้ได้รู้แจ้งในอดีตชาติของท่านแล้ว ก็เกิดความกลัวยิ่งนัก เบื่อหน่ายความต้องเวียนว่ายในวัฏสงสารยิ่งนัก ด้วยความพากเพียรพยายามสุดสติปัญญาความสามารถที่จะตัดภพชาติอนาคตให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว ในที่สุดก็เชื่อกันว่าท่านพระอาจารย์สําคัญรูปนั้นท่านก็สําเร็จประสงค์ถึงความพ้นทุกข์อย่างสิ้นเชิงได้ในภพภูมิปัจจุบัน
ครูอาจารย์ท่านสําคัญๆ ท่านรับรอง และพระพุทธเจ้าก็ทรงรับรองว่าชาติในอนาคตมีอยู่สําหรับผู้ยังไม่สามารถทํากิเลสให้หมดสิ้นได้และการทํากิเลสให้หมดสิ้นนั้น คนเป็นจํานวนมากทําไม่ได้ในเวลาอันสั้น ทั้งยังมีคนเป็นจํานวนมากไม่สนใจจะทําให้กิเลสหมดสิ้น ยังเกลือกกลั้วอยู่กับกิเลสอย่างหลงผิด ดังนั้น ภพ-ชาติสําหรับคนเหล่านี้ยังมีอยู่มากมายนักหนา ใช้เวลานานแสนนาน นับภพชาติหาได้ไม่ โอกาสที่กรรมจะตามไปถึงจึงมีมากมายนัก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง และอย่าคิดผิดว่าเมื่อถึงวันนั้นเวลานั้น ก็จะจําไม่ได้แล้วว่าเราเป็นเราอะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่เดือดร้อน
ความคิดเช่นนี้อาจจะเกิดแก่เราแล้วในอดีตชาติและมาในปัจจุบัน เมื่อต้องพบกับความเดือดร้อน เราก็เดือดร้อน มิใช่ว่าเราไม่เดือดร้อน ทั้งที่มิใช่ว่าเราจะจําได้ว่าเราเป็นเรา ไม่ว่าจะเกิดเป็นใคร เป็นอะไร เมื่อใด ภพชาติไหนก็ตาม เมื่อเป็นทุกข์ก็ต้องเป็นทุกข์เมื่อเป็นสุขก็ต้องเป็นสุข จึงไม่ควรประมาทอย่างยิ่ง ควรพยายามทําทุกอย่างเพื่อไม่ให้ในอนาคตต้องเป็นทุกข์หรือเพื่อไม่ให้กรรมไม่ดีที่ทําไว้ตามทัน ไม่ว่าเมื่อใดก็ตาม
ชีวิตนี้แม้น้อยนัก แต่ก็เป็นความสําคัญนัก สําคัญยิ่งกว่าชีวิตในอดีตและชีวิตในอนาคต ที่ว่าชีวิตนี้คือชีวิตในชาติปัจจุบันนี้สําคัญ ก็เพราะในชีวิตนี้เราสามารถหนีกรรมไม่ดีที่ทําไว้ในอดีตได้และสามารถเตรียมสร้างชีวิตในอนาคตให้ดีเลิศเพียงใดก็ได้หรือตกต่ําเพียงใดก็ได้ชีวิตในอดีตล่วงเลยแล้ว ทําอะไรอีกไม่ได้ต่อไปแล้ว ชีวิตในอนาคตก็ยังไม่ถึง ยังทําอะไรไม่ได้เช่นนี้จึงกล่าวได้ว่าชีวิตนี้สําคัญนัก พึงใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ให้สมกับความสําคัญของชีวิตนี้
ชีวิตนี้น้อยนัก แต่มีความสําคัญนักด้วยเหมือนกัน ถ้าชีวิตนี้ไม่วิ่งหนีกรรมไม่ดีในอดีตชีวิตนี้ก็จะรับผลกรรมไม่ดีถ้าวิ่งหนีก็จะพ้นได้กรรมไม่ดีจะตามทันหรือไม่ขึ้นอยู่กับชีวิตนี้ยิ่งกว่านั้นถ้ากรรมตามทันในชีวิตนี้ก็จะตามต่อไปได้อีกในชีวิตอนาคต กรรมไม่ดีที่ทําไว้ในอดีตมากมายอาจจะตามไม่ทันตลอดไปก็ได้ถ้าทําชาตินี้ให้ดีที่สุด
ดูภาพผู้คนในบางประเทศที่อดอยากแสนสาหัส หน้าตาแทบจะไม่เป็นคน เหมือนโครงกระดูกเดินได้เด็กเล็กๆ น่าสงสารไม่มีเนื้อ มีแต่หนังหุ้มกระดูก ผู้ใดเห็นผู้นั้นก็สลดใจอย่างยิ่งสงสารอย่างยิ่ง เมื่อเกิดความรู้สึกเช่นนั้นก็พึงนึกถึงตนเอง ใครเล่าจะรับรองได้ว่า เมื่อตายไปจากภพชาตินี้แล้ว เราจะไม่ไปเกิดในประเทศเช่นนั้น จะไม่ไปมีสภาพเช่นโครงกระดูกเดินได้ด้วยความอดอยากยากแค้นเช่นนั้น ใครเล่าจะรับรองได้ว่าในอดีตชาติเราไม่ได้เป็นคนคับแคบ ไม่เคยทําบุญให้ข้าวปลาอาหารแก่ใครเลยมารดาบิดาผู้แก่ชราก็หาได้สนใจให้ข้าวให้น้ำ
เมื่อชีวิตนี้น้อยนัก ผู้มีปัญญามีสัมมาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง ผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิก็คิดไปทางหนึ่ง พวกผู้มีปัญญามีสัมมาทิฐิคือความเห็นชอบ ก็จะคิดได้ว่าชีวิตนี้สั้น อีกไม่เท่าไรก็จะต้องตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปด้วยไม่ได้ เอาไปได้ก็แต่บุญบาป หรือความดีความชั่วเท่านั้น พวกผู้มีปัญญาคิดเช่นนี้จึงเร่งทําความดีส่วนพวกผู้เบาปัญญามีมิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด ก็จะคิดว่าชีวิตนี้สั้นอีก ไม่เท่าไรก็จะต้องตาย มีวิธีใดจะให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทองก็ต้องรีบหา ไม่มัวคํานึงว่าจะผิดหรือถูก ถูกผิดก็ช่าง ให้ได้ก็พอใจ พวกผู้เบาปัญญาคิดเช่นนี้จึงทําบาปทําความไม่ดีได้เสมอ ชีวิตนี้สําหรับบุคคลสองประเภทดังกล่าวมีคุณมีโทษแก่สองฝ่ายแตกต่างกันเป็นไปตามทิฐิ คือ ความเห็นดังกล่าว
อย่าเป็นผู้มีมิจฉาทิฐิที่โฉดเขลาเบาปัญญาเลย เพราะจะทําให้ชีวิตนี้ให้สูญเปล่า ไม่อาจหนีพ้นมือที่น่าสะพรึงกลัวแห่งกรรมไม่ดีไม่อาจได้เข้าไปอยู่ในความโอบอุ้มทะนุถนอมของมือที่อบอุ่นแห่งบุญคือกรรมดีโอกาสอันดีที่มีอยู่น้อยนักเพียงชั่วชีวิตอันน้อยนักนี้ก็จะผ่านไปอย่างไม่อาจเรียกกลับคืนได้กรรมไม่ดีที่ทําไว้แน่ก็จะแห่ห้อมเข้าประชิด แล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้างในชีวิตนี้ชีวิตของผู้ที่ไม่รู้จักวิ่งหนีกรรม
มาเป็นผู้มีปัญญามีสัมมาทิฐิเถิด ชีวิตอันน้อยนี้จะได้ไม่สูญเปล่า จะได้สามารถใช้ชีวิตนี้ให้เป็นประโยชน์ยิ่งใหญ่ได้คือหนีไกลจากกรรมไม่ดีได้กรรมไม่ดีที่กําลังติดตามเราทุกคนอยู่นั้นมีมากมายนัก ทั้งที่หนักและที่เบา ทั้งที่จะทรมานชีวิตเราไม่หนักนักหนา ทั้งที่จะทรมานเราจนแทบว่าจะรับไม่ไหว ทั้งที่เราอาจจะรับไม่ไหวจริงๆ ด้วย
คิดดี พูดดี ทําดีเพียงทําสามประการนี้ให้สม่ําเสมอตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนก็จะสามารถหนีมือแห่งกรรมไม่ดีได้มือแห่งกรรมไม่ดีจะไม่สามารถตะครุบไว้ในอํานาจได้บาปกรรมใดๆ แม้ได้กระทําไว้ตั้งแต่อดีตชาติจะไม่อาจตามสนองได้ง่ายๆ ในภพชาตินี้อย่างมากก็จะเพียงไล่ตามตะครุบอยู่อย่างหมายมั่นจะทําให้ได้สําเร็จเท่านั้น ถ้าคิดดี พูดดี ทําดีเสมอ
ทุกวันนี้มีตัวอย่างผู้ที่ถูกมือแห่งกรรมตามทันจับได้มากมายคนสวยคนงามถูกมือของกรรมร้ายทําให้กลายเป็นคนสิ้นสวยสิ้นงาม ทนความรู้สึกของตนเห็นรูปลักษณ์ของตนด้วย ความเจ็บปวดแสนสาหัส คนบางคนแขนขาบริบูรณ์ถูกมือของกรรมร้ายทําให้กลายเป็นคนเหลือขาครึ่งเดียวบ้าง ข้างเดียวบ้าง คนบางคนมีลูกรักดังดวงใจ ลูกออกจากบ้านไปก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย มือของกรรมร้ายปลิดชีวิตของเขาแล้วอย่างโหดเหี้ยมอํามหิต กลายเป็นศพคอขาดก็มีไส้ทะลักก็มีคนบางคนนอนหลับอยู่ในบ้านเรือนตนด้วยความรู้สึกปลอดภัยแท้ๆ แต่ก็กลับมีมือของกรรมร้ายเอื้อมเข้าไปห้ําหั่นถึงฟูกถึงหมอน เสียเลือดเสียเนื้อและเสียชีวิต นี่คืออํานาจร้ายแรงแห่งกรรม
ดังที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ท่านตัดสินความระหว่างพระสองรูป ว่ารูปที่ถูกทําร้ายเป็นผู้ที่ทําร้ายก่อน ผู้ไม่เข้าใจเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรมก็จะคิดว่าสมเด็จฯท่านไม่ยุติธรรม ตัดสินเข้าข้างผู้ผิด แต่ผู้เข้าใจเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม ย่อมจะเข้าใจคําตัดสินของสมเด็จฯท่าน ไม่มีผู้ใดจะได้รับสิ่งที่ตนไม่ได้ทําไว้ด้วยตนเอง ทําไว้ในอดีต มารับผลในปัจจุบันได้ทําในปัจจุบันก็จะได้รับผลในอนาคตเช่นกัน และอนาคตนั้นไม่หมายถึงต้องข้ามภพข้ามชาติเสมอไป อนาคตในภพชาตินี้ก็ได้ดังนั้น แม้เชื่อในเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรมหรือไม่เชื่อก็ตาม ก็ไม่สมควรเสี่ยงรับผลร้ายที่จะเกิดแต่การทําความไม่ดีความไม่ดีหนักหนาเพียงไรยิ่งให้ผลร้ายแรงเพียงนั้น ยิ่งไม่สมควรเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะทําความไม่ดีหนักหนานั้น
(โปรดติดตามอ่านตอนต่อไป)
............................
คัดลอกจาก "ชีวิตนี้น้อยนัก" บทพระนิพนธ์ในสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
อ่านรายละเอียดข่าวก่อนหน้านี้ :
-'กรรมคือการกระทํา' ที่ทําให้แต่ละชีวิตเกิดมาต่างกันในชาติปัจจุบัน
-'เทวดามาเกิดเป็นมนุษย์-มนุษยเกิดเป็นสัตว์-สัตว์ไปเกิดเป็นเทวดา'
-ทุกคนผ่านชีวิตในอดีตชาติมาแล้วเป็นอันมากจนนับภพชาติไม่ถ้วน
-'สมเด็จโต' สอนเรื่องกรรม 'ใครทํากรรมใดแล้วจักต้องได้รับผลตอบแทนแน่'
-'คนระลึกชาติได้ทุกวันนี้ยังมีอยู่ บางคนก็ระลึกได้ตั้งแต่อายุยังน้อย'
-'ผู้ที่มุ่งแต่จะได้โดยไม่คํานึงถึงความถูกต้องชอบธรรม' เป็นการ 'ทํากรรมใหญ่'
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี