เมื่อไม่รู้จะไปไหนในช่วงวันหยุด... หากมองหาสถานที่ศึกษาแหล่งโบราณประวัติศาสตร์ ขอแนะนำ ‘โบราณสถานเสมาพันปี’ ตั้งอยู่ที่ ต.เปือย อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ นับว่าเป็นสิ่งยืนยันว่า พุทธศาสนา ในอดีตเคยรุ่งเรืองอย่างไร และเป็นสิ่งล้ำค่าที่บรรพบุรุษในอดีตทิ้งไว้เป็นอนุสรณ์ เพื่อที่อนุชนรุ่นหลังจะได้ใช้เป็นแนวทางศึกษา ด้วยความภาคภูมิใจ
อ.ลืออำนาจ อยู่ห่างจากตัวจังหวัดอำนาจเจริญด้านทิศใต้ไปตามถนนชยางกูร สายหลัก(อำนาจเจริญ-อุบลราชธานี) ประมาณ 21 กิโลเมตร จนถึงสามแยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสายรอง ลืออำนาจ-พนา เข้าไปประมาณ 5 กิโลเมตร ก็จะถึง ต.เปือย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้ง เสมาพันปี ทางเข้าก็จะมีป้ายบอก ซึ่งการเดินทางสะดวกมาก เพราะถนนเข้าไปก็จะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กโดยตลอด
สำหรับ แหล่งโบราณสถานเสมาพันปี สมัยก่อนบริเวณนี้ เป็นป่าทึบที่อุดมสมบูรณ์มาก ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ เพราะหากใครเข้าไปตัดไม้ทำลายป่า ก็จะมีอันเป็นไปและเสียชีวิตทุกราย คนในพื้นที่จะเกรงกลัวกันมาก เมื่อถึงฤดูทำนาก็จะเข้าไปกราบไหว้บนบานต้นไม้ใหญ่ที่อยู่กลางป่า ขอให้ฝนตกดี ข้าวปลาอุดมสมบูรณ์ และในป่าก็จะมีเต่าใหญ่ เรียกว่า “เต่าเพ็ก” อาศัยอยู่กว่า 100 ตัว แต่ปัจจุบันไม่มีเหลืออยู่แล้ว ซึ่งเต่าพวกนี้ พอตกเย็นก็จะเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านก็จะให้ข้าวและกล้วยเป็นอาหารและไม่มีใครกล้าไปทำร้าย เพราะเชื่อว่าเป็นเต่าปู่ตาเลี้ยงไว้ ใครขโมยไปก็จะเอามาคืนภายใน 7 วัน โจรผู้ร้ายก็ไม่มี ชาวบ้านอยู่กันสงบสุข
ชาว ต.เปือย รักสงบ ชอบเข้าวัดฟังธรรม กลายเป็นหมู่บ้านแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง ทางอำเภอให้เป็นหมู่บ้านต้นแบบและได้รับคำชมเชยมาตลอด และนับว่าเป็นตำบลเก่าแก่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งเสมาพันปีที่อยู่ในหมู่บ้านจะเป็นสิ่งยืนยันได้ดีที่สุด
ทั้งนี้ เสมาพันปีที่หมู่บ้านมีด้วยกัน 4 แห่ง โดยอยู่ในดอนปู่ตา เนื้อที่ 200 ไรทั้งหมด แต่ปัจจุบันถูกชาวบ้านบางคนเข้าไปบุกรุกจนเหลือเนื้อที่เพียง 50 ไร่
โดยแหล่งที่ 1. เป็นกลุ่มเสมาในเขตวัดโพธิ์ เป็นเสมาแบบศิลา จำนวน 50 ใบ และเนินศาลาสถานที่ กลุ่มเสมาทรายปักอยู่ ชาวบ้าน เรียกว่า “ลานเสมา” แต่ละใบ มีการสลักเป็นรูปหม้อน้ำและคล้ายคลึงกันลวดลายเสากลม ที่ประดับกรอบประตูสมัยก่อนเมืองพระนคร ซึ่งมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 – 13 หรือ 1,400 ปีมาแล้ว สมัยทวาราวดี ศิลปะขอมแบบไพรกเมง พบเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2532
แหล่งที่ 2. เป็นกลุ่มเสมาวัดบ้านไร่ นับว่าเป็นกลุ่มเสมาที่มีความหนาแน่นมากที่สุด มีจำนวนถึง 74 ใบ เป็นกลุ่มเสมาที่ทำด้วยศิลาแลง ไม่มีการสลักลวดลายและมีการสลักฐานบัวคว่ำ บัวหงาย มีสันนูนคล้ายยอดสถูปอยู่ตรงกลาง
แหล่งที่ 3. เป็นกลุ่มเสมาหลังโรงเรียนเปือย–หัวดง เป็นเสมาที่ทำด้วยหินทราย ลักษณะใบเสมาเรียบ ไม่มีลวดลาย แต่ตรงกลางเป็นที่เรียวไปถึงยอด มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17
แหล่งที่ 4. เป็นกลุ่มเสมาดอนปู่ตา มีอยู่ 50 ใบ มีลักษณะเป็นศิลาทราย แต่ละใบจะมีการแกะสลักเป็นรูปนกแก้ว จึงเรียกว่า “ลานนกแก้ว”
นอกจากนี้ ยังมีพุทธรูปปางสมาธิเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี สมัยทราวดี ประดิษฐานอยู่ภายในเพิงถาวร สมัยก่อนหากปีไหนฝนแล้ง ชาวบ้านจะมาทำพิธีขอฝนจากท่านบางคนก็มาขอให้ช่วยในด้านต่างๆ เป็นที่เคารพนับถือมาก ปัจจุบันก็ยังมีผู้เข้าไปสักการะทุกวัน แต่เป็นที่น่าเสียดายมีคนใจบาปตัดเอาเศียรไป ชาวบ้านจึงต้องทำเศียรขึ้นมาทดแทนให้ใหม่ อย่างที่เห็นในปัจจุบัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี