จนท.รวมพลังเดินเท้าย่ำป่าบุกน้ำลุยโคลนปฏิบัติภารกิจแบกร่าง ด.ญ.วัย 12 ขวบกลางป่าทุ่งใหญ่ฯ ส่งโรงพยาบาลหลังเป็นไข้มาลาเรีย ซ้ำไส้ติ่งอักเสบ พ่อเผยเริ่มปวดท้องรุนแรงตั้งแต่ 7 ก.ย.แต่ช่วยลูกไม่ได้เหตุฝนตก น้ำป่าไหลเชี่ยว

นายแพทย์ไชยวัฒน์ เพชรพรรณงาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เวลา 10.00 น.ของวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โรงพยาบาลสังขละบุรี ได้รับการประสานจากนายไพรวัลย์ ยาปัญ ครู โรงเรียนบ้านกองม่องทะ สาขาบ้านไล่โว่ หมู่ 4 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี ว่า ด.ญ.รุ่งภัทร คงนานดี อายุ 12 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.6 ป่วยไข้ขึ้นสูง มาอาการหนาวสั่น อาเจียน อีกทั้งยังมีอาการปวดท้องบริเวณตรงกลางใต้สะดือ ท้องแข็ง ตัวเกร็ง จากการตรวจเบื้องต้นยังพบเชื้อมาลาเรีย อีกด้วย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องรีบนำตัว ด.ญ.รุ่งภัทร ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสังขละบุรี เป็นการเร่งด่วน

หลังจากได้รับแจ้งรั้งแรกไปประสานขอความช่วยเหลือไปยังสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (สพฉ.) กาญจนบุรี 1669 เพื่อช่วยลำเลียงผู้ป่วยทางอากาศ แต่เนื่องจาก จึงจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วยทางบก และได้รับความช่วยเหลือจาก พ.อ.สราวุธ ไชยสิทธิ์ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรีสีห์/ผบ.ร.29 พ.อ.ชูพงษ์ สายอุบล รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ และรอง ผบ.ร.29 สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ทีมกู้ชีพ รพ.สังขละบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่จิตอาสามูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ร่วมเดินทางไปรับตัว ด.ญ.รุ่งภัทร

ขณะเดียวกันระหว่างที่ จิตอาสา กลุ่มใต้ร่มพระบารมี นำโดย น.ส.มณิศรา โฮ่บรรเทา พยาบาลวิชาชีพ รพ.ขอนแก่น พร้อมสมาชิก เดินทางเข้าไปตรวจสุขภาพของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวพบกับเหตุการณ์พอดี จึงได้ร่วมกันรักษาและทำการปฐมพยาบาลในเบื้องต้น จากนั้นจึงกันแบกหามร่างของผู้ป่วยออกมาจากพื้นที่ เพื่อส่งต่อให้กับคณะเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปรับตัว จนกระทั่งเวลาประมาณ 14.40 น.เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายจึงพบกัน

แต่เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการไข้ขึ้นสูง เจ้าหน้าที่ที่เดินทางเข้าไปรับ จึงรีบแบกหามร่างของ ด.ญ.รุ่งภัทร ออกมา จนกระทั่งเวลาประมาณ 16.30 น.จึงมาถึงจุดนัดพบคือที่บริเวณที่ทำการหน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง โดยจุดดังกล่าวมีพยาบาลและรถทีมกู้ชีพของโรงพยาบาลสังขละบุรี รออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อมาถึงโรงพยาบาลสังขละบุรี คณะได้ทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียดอีกหนึ่ง ปรากฏว่า ด.ญ.รุ่งภัทร มีอาการป่วยไส้ติ่งอักเสบ จึงจำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งที่โรงพยาบาลสังขละบุรี มีอุปกรณ์ไม่พร้อม ดังนั้นจึงรีบส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เพราะมีคณะแพทย์และอุปกรณ์ที่พร้อมกว่า

ทั้งนี้ นายอ่องทิ ไม่มีนามสกุล พ่อของผู้ป่วย เล่าว่า ลูกสาวไม่สบายและกินยามาได้ประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว โดยเริ่มมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงมาตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย. แต่เนื่องจากในพื้นที่มีฝนตกและน้ำป่าไหลเชี่ยว จึงไม่สามารถนำตัวลูกสาวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลได้ และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ให้การช่วยเหลือลูกสาวของตนในครั้งนี้ด้วย