กลุ่มอนุรักษ์สัตว์วงศ์แมวนานาชาติ ประเทศไทย เข้าพบหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ กาญจนบุรี นำเสนอความก้าวหน้าของโครงการวิจัยและพิจารณาหาแนวทางร่วมกันเพื่อเสริมการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น และเพื่อเฝ้าระวังป้องกันภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นกับเสือโคร่งที่พบครั้งแรก
จากกรณีนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ.กาญจนบุรี ได้รายงานการพบเสือโคร่งในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จากการตั้งกล้องดักถ่ายสัตว์ป่างานวิจัยจากองค์กรสัตววิทยาแห่งลอนดอน Zoological Society of London (ZSL) โดยเมื่อวันนี่ 27 ก.พ.63 ทางทีมงาน ZSL ได้นำภาพบันทึกจากกล้องดักถ่ายโครงการเสือโคร่ง มาลงบันทึกไว้ที่ห้องข้อมูลในจำนวนภาพทั้งหมด ได้พบเสือโคร่ง จำนวน 3 ตัว จากการตรวจสอบฐานข้อมูลต่างๆ ประกอบกับสถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ จ.อุทัยธานี ปรากฏว่าเสือโคร่งทั้ง 3 ตัวที่พบมีรายละเอียดดังนี้
ตัวแรกรหัส HKT270M (Male) เป็นภาพถ่ายเสือโคร่ง เพศผู้ พบบริเวณพื้นที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ปลาสร้อย เป็นเสือที่มาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ห้วยขาแข้ง, ตัวที่ 2 รหัส TWT130M (Male) เป็นภาพถ่ายเสือโคร่ง เพศผู้ พบบริเวณพื้นที่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยล้อ เป็นเสือที่มาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และตัวที่ 3 รหัส SLT001M (Male) เป็นภาพถ่ายเสือโคร่ง เพศผู้ ที่พบเจอใหม่ในบริเวณพื้นที่หน่วยพิทักษ์ป่าสลักพระ (เขาเสือ) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เจ้าหน้าที่ ZSL จึงได้ตั้งชื่อเสือโคร่ง ตัวใหม่นี้ว่า SLT001M (สลักพระไทเกอร์001) โดยได้พบเจอที่เขตฯสลักพระเป็นครั้งแรก และไม่ปรากฏว่าพบเจอที่ใดมาก่อน
ล่าสุดวันที่ 12 มี.ค.63 น.ส.กฤษณา แก้วปลั่ง ผอ.องค์กรแพนเทอรา (PENTHERA) ประเทศไทย พร้อมด้วยนายอเล็กซานเดอร์ ก็อดฟรีย์ ผู้จัดการโปรแกรม แพนเทอรา (PENTHERA) ประเทศไทย รวมทั้งทีมงาน Panthera – กลุ่มอนุรักษ์สัตว์วงศ์แมวนานาชาติประเทศไทย เข้าพบนายไพฑูรย์ อินทรบุตร ที่สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ หมู่ 4 ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อนำเสนอความก้าวหน้าของโครงการวิจัยและพิจารณาหาแนวทางร่วมกัน เพื่อเสริมการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นและเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันภัยคุกคาม ที่อาจจะเกิดขึ้นกับเสือโคร่งที่พบ
ทั้งนี้ น.ส.กฤษณา เปิดเผยภายหลังว่า การพบเสือโคร่งครั้งแรกในเขตฯสลักพระ ในฐานะคนทำงานก็รู้สึกตื่นเต้น หนึ่งก็คือพบทีเดียวถึง 3 ตัว อีกทั้งเสือโคร่งทั้ง 3 ตัว ยังเป็นเสือวัยรุ่นอีกด้วย โดยเสือ 1 ใน 2 ตัว มาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแห้ง จ.อุทัยธานี และอีก 1 ตัว มาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี
ส่วนเสือโคร่งตัวที่พบในเขตฯสลักพระครั้งแรก หากมีการศึกษาข้อมูลให้ครอบคลุม อาจจะทราบได้ว่าเสือโคร่งตัวนี้มาจากที่ใด และที่ตื่นเต้นอีกประการหนึ่งก็คือ มันทำให้เราเห็นเส้นทางการเดินทางของเสือในพื้นที่เชื่อมต่อกัน และนั่นหมายถึงว่า งานในส่วนการป้องกันมีความเข้มแข็งขึ้น เพราะเสือสามารถเดินมาจากห้วยขาแข้ง และจากทุ่งใหญ่ฯมาถึงที่นี่ด้วยความปลอดภัย
แต่อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้พูดคุยกัน เราก็ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเข้าพื้นที่ไปล่าสัตว์ รวมทั้งเรื่องของปศุสัตว์ ดังนั้น เราต้องการที่จะขอความร่วมมือไปยังชาวบ้านในพื้นที่ ให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบเจอเสือก็ขอให้รีบส่งข่าวให้เจ้าหน้าที่ทราบโดยเร็ว
สำหรับประชากรเสือโคร่งทั้งประเทศในปัจจุบันนั้นพบว่า ที่ห้วยขาแห้งและทุ่งใหญ่นเรศวรฯมีมากที่สุด และอันที่จริงจากการพูดคุยเราก็อยากให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ เป็นเหมือนมรดกโลก ไล่มาตั้งแต่อุทยานฯเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานฯเฉลิมรัตนโกสินทร์ อุทยานฯไทรโยค มาถึงเขตฯสลักพระ ซึ่งจากเป็นพื้นที่กระจายของเสือโคร่งที่มาจากทุ่งใหญ่ฯและห้วยขาแข้ง เพราะเขตฯทุ่งใหญ่ฯและเขตฯห้วยขาแข้ง มีจำนวนเสือโคร่งมากที่สุด ซึ่งเสือโคร่งทั้ง 3 ตัว ที่พบจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่านี่คือพื้นที่ป่าเชื่อมต่อที่สำคัญ
ถามว่าเราจะสามารถเพิ่มประชากรของเสือโคร่งได้อย่างไร เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับประชากรของเหยื่อ เพราะปัจจุบันยังมีการล่าสัตว์ป่ากันอยู่ จึงทำให้ประชากรเหยื่อของเสือโคร่งลดน้อยลง แต่จากการศึกษาประชากรเหยื่อพบว่าปัจจุบันนี้ยังมีเพียงพอ แต่ในอนาคตข้างหน้ายอมรับว่าเรายังไม่รู้ เพราะฉะนั้น เราจะต้องลดปัจจัยคุกคามนั่นก็คือการล่าสัตว์ป่า
ด้านนายอเล็กซานเดอร์ ก็อดฟรีย์ เปิดเผยว่า เราเข้ามาสำรวจประชากรเสือโคร่งในเขตฯสลักพระ ได้ประมาณ 4-5 ปีแล้วโดยสำรวจมาเรื่อยๆ และมาในปีนี้เราได้เพิ่มระดับการสำรวจให้ใหญ่ขึ้น จนกระทั่งพบเสือโคร่ง 3 ตัว ซึ่งมันมีอยู่ 2 ตัวที่มาจากพื้นที่มรดกโลก คือจากห้วยขาแข้งและเขตฯทุ่งใหญ่ด้านตะวันตก ส่วนเสือโคร่งตัวที่เราเรียก รหัส SLT001M (Male) เป็นเสือโคร่งตัวใหม่ที่ไม่เคยพบมาก่อน และในขณะนี้เรากำลังติดตามประชากรเสือโคร่งในเขตฯสลักพระอยู่
ส่วนนายไพฑูรย์ อินทรบุตร หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ เปิดเผยว่า การที่คณะทีมงาน แพนเทอรา (PENTHERA) ประเทศไทย ที่เป็นกลุ่มอนุรักษ์สัตว์วงศ์แมวนานาชาติ ได้เข้ามาทำงานด้านวิจับเพื่อให้เห็นความสมบูรณ์ของป่า และการมาพบในครั้งนี้เขามีจุดประสงค์ที่จะเข้ามาช่วยซัพพอร์ตในเรื่องของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะเรื่องประชากรของเสือ รวมทั้งเรื่องของสัตว์ป่าที่มีสิทธิ์ใกล้ที่จะสูญพันธุ์ หรือสัตว์ป่าที่โดนคุกคาม
ถามว่าการพบเสือโคร่งครั้งแรกในพื้นที่เขตฯสลักพระ จะมีแนวทางป้องกันอย่างไรนั้น ทางเราจะทำการประชาสัมพันธุ์เมื่อมีการประชุมหมู่บ้านเราก็จะแจ้งให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ส่วนการป้องเราได้มีการจัดทีมเดินลาดเวนในเชิงคุณภาพ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ โดยท่านอธิบดีฯธัญญา เนติธรรมกุล ที่ให้ความสำคัญในการลาดตระเวนในเชิงคุณภาพ ซึ่งเป็นงานหลักของกรมให้มีความเข้มแข็ง ด้วยการพยายามวางกำลังให้รัดกุมในโซนที่เจอเสือโคร่ง รวมทั้งส่วนอื่นๆที่อาจจะมีภัยคุกคามเข้ามาด้วย และนอกจากนี้เรายังใช้เชิงทางวิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย เช่นดูภาพจากกล้องดักถ่าย เพื่อดูภัยคุกคามและดูเรื่องของสัตว์ป่า เพื่อนำมาวางแผนให้มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้น
สำหรับพฤติกรรมของเสือมักจะไม่ออกนอกพื้นที่ ยกเว้นปศุสัตว์บางจุด ที่ชาวบ้านนำสัตว์เลี้ยงลักลอบเข้าไปเลี้ยงโดยผิดหมาย ซึ่งเราจะพยายามผลักดันให้ชาวบ้านนำสัตว์เลี้ยงออกนอกพื้นที่ เพราะการปศุสัตว์จะทำให้มีปัญหา เพราะการล่าเหยื่อของเสีอ เสือจะมองว่าปศุสัตว์เป็นเหยื่อที่ล่าง่ายที่สุด ยกเว้นเหยื่อที่เป็นสัตว์ป่าจะมีมากก็ตาม
"เราจะประชาสัมพันธุ์ให้ชาวบ้านทราบว่า การที่เข้าไปใช้พื้นที่เลี้ยงปศุสัตว์โดยผิดกฎหมายอยู่แล้ว จะต้องนำสัตว์เลี้ยงออกนอกพื้นที่เพื่อลดการสูญเสียของสัตว์เลี้ยงรวมทั้งตัวชาวบ้านเองด้วย และนอกจากนี้ยังเป็นการลดการปะทะกับเสือโคร่งด้วย อย่างหนึ่งที่อยากจะบอกให้ชาวบ้านได้เข้าใจว่า การที่เสือมานั้นไม่ใช่ว่าจะเกิดอันตรายกับคน เพราะเสือเขาไม่ได้มาคุกคามคน แต่เสือจะมาล่ากินสัตว์ในพื้นที่มากกว่า และการที่พบเสือจะทำให้มองเห็นว่าศักภาพของจังหวัดกาญจนบุรี มีความเข้มแข้งที่มีป่าที่สมบูรณ์ขึ้นและที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ของเราก็คอยปราม และคอยติดตามรวบรวมรายชื่อของชาวบ้านที่เลี้ยงปศุสัตว์ รวมทั้งรายชื่อภัยคุกคาม เพื่อนำเสนอให้กับฝ่ายความมั่นคงต่อไป" นายไพฑูรย์ กล่าว
(ภาพเสือโคร่งจาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี