การปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลนิพพาน จะปฏิบัติแบบสบายๆ จะไม่ได้ผล คือจะกินอยู่อย่างสบายเหมือนตอนที่ไม่ได้ปฏิบัติ อันนี้จะทำไม่เพียงพอต่อการที่จะทำให้เกิดผลขึ้นมา เพราะการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นการยกระดับจิตให้ขึ้นสูง จากระดับที่เป็นอยู่ ก็เหมือนกับการที่จะไปยกของไปที่สูง ยกขึ้นไปชั้นบนนี่ มีข้าวของอยู่ชั้นล่าง จะยกของต่างๆ ขึ้นชั้นบนนี่ต้องใช้แรงเพิ่มขึ้น จะใช้แรงธรรมดาไม่ได้ ถ้าเคลื่อนไหวชั้นเดียวกันนี่ ไม่ต้องใช้แรงมาก
แต่ถ้าต้องการที่จะยกของขึ้นที่สูงกว่าชั้นที่เราอยู่ ก็ต้องใช้แรงผลักดันขึ้นไป เหมือนกับเครื่องบินกับยานอวกาศนี้ ใช้แรงดันไม่เหมือนกัน เครื่องบินนี้เขาขึ้นไปบินไม่สูงมาก แต่ยานอวกาศนี้ต้องขึ้นไปเป็นหลายกิโล เป็นร้อยกิโล ต้องออกจากแรงดึงดูดของโลก จำเป็นจะต้องใช้พลังการขับเคลื่อนมากกว่า ถึงจะสามารถผลักดันยานอวกาศ ให้ออกไปสู่การดึงดูดของแรงดึงดูดของโลกได้ เขาถึงต้องสร้างจรวดเวลาจะส่งยานอวกาศขึ้นไป แต่สำหรับบินอยู่บนท้องฟ้าไม่สูงมาก ก็ไม่ต้องใช้แรงมาก ใช้เครื่องยนต์ธรรมดา ก็สามารถที่จะส่งให้เครื่องบิน บินขึ้นไปอยู่ในท้องฟ้าได้ แต่เครื่องบินไม่สามารถที่จะทะยานออกไปพ้นแรงดึงดูดของโลกได้
อันนี้ก็เหมือนกัน การกินอยู่ของเราตามปกตินี้ มันก็พอที่จะทำให้เราอยู่อย่างมีความสุข ในระดับของเราได้ ที่เราเป็นกันอยู่ทุกวัน ทำกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นการขับเคลื่อนจิตใจในระดับเดียว คือ ไม่ได้ดันให้ขึ้นระดับสูง ให้อยู่ในระดับเดิม เหมือนกับขนย้ายของชั้นเดียวกัน หรือบินปกติด้วยเครื่องบิน ก็ไม่ต้องใช้ความพยายาม ไม่ต้องใช้แรงมาก แต่ถ้าจะส่งยานอวกาศออกไปโคจรนอกโลก ไปสู่อีกดวงดาวหนึ่ง ไปสู่ดวงจันทร์ ดาวอังคาร หรือแม้ตอนนี้ก็ส่งไปสู่ดวงอาทิตย์ จำเป็นจะต้องมีจรวดที่มีแรงผลักดันมากกว่าเครื่องบินธรรมดา
การปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลนิพพาน ก็เป็นเหมือนกับการยกระดับจิตให้ออกจากแรงดึงดูดของวัฏสงสาร ของโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ก็มีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติ ที่ต้องใช้ความเพียรพยายามมากกว่าการปฏิบัติเพื่ออยู่ในโลกของการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าเราอยากไปเพียงแค่ระดับสวรรค์ เราไม่อยากจะไปเกิดในอบาย เราก็เพียงแต่รักษาศีล 5 ทำบุญทำทานไป อันนี้ก็พอที่จะยกระดับจิตของเรา เวลาเราตายไป จิตของเราก็จะไปอยู่ในสวรรค์ชั้นเทพ แต่ถ้าเราอยากจะให้จิตขึ้นไปสูงกว่าสวรรค์ชั้นเทพ คือ สวรรค์ชั้นพรหมนี้
นอกจากการทำบุญ การรักษาศีล 5 แล้วยังต้องเพิ่มจากการรักษาศีล 5 มาสู่การรักษาศีล 8 รักษาศีล 8 เพื่อที่จะทำให้มีพลังที่จะยกจิตให้ขึ้นสูงขึ้นไป จากสวรรค์ชั้นเทพสู่สวรรค์ชั้นพรหม จำเป็นจะต้องมีการรักษาศีล 8 หรือมากกว่านั้น ไม่ศีล 8 ก็ศีล 10 ศีล 227 แล้วก็ต้องมีการเจริญสติ นั่งสมาธิทำใจให้สงบ ให้เข้าฌานระดับต่างๆ ได้
อันนี้ก็เป็นเหมือนกับการส่งจิตใจให้ขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นไป เหนือระดับสวรรค์ชั้นเทพ แต่ก็ยังอยู่ภายในรัศมีของการดึงดูดของโลก ของวัฏสงสารอยู่ คือ ส่งขึ้นไปแล้วก็เหมือนเครื่องบิน เดี๋ยวก็ต้องลงมา พอน้ำมันหมดก็ต้องลง ลงมาเติมน้ำมันใหม่ ไม่ว่าจะขึ้นในระดับชั้นเทพหรือระดับชั้นพรหม เดี๋ยวน้ำมันที่ส่งจิตให้ขึ้นไประดับนั้นหมดกำลังลง ก็ต้องลงกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ เพราะยังไม่ได้หลุดออกจากกระแสดึงดูดของวัฏสงสาร ของสังสารวัฏ คือโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ยังต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ แล้วก็มาเติมน้ำมันใหม่ แล้วก็ขึ้นไปสู่สวรรค์ชั้นเทพ สวรรค์ชั้นพรหมใหม่
ถ้าอยากจะออกไปจากโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิดเลยนี่ คือไม่ต้องกลับมาใหม่ ไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ อันนี้จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติอีกขั้นหนึ่ง ก็คือขั้นวิปัสสนา คือขั้นปัญญา เพื่อละตัณหาความอยากต่างๆ ความอยากในรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ ความอยากมีอยากเป็นความอยากไม่มีอยากไม่เป็น เป็นตัวที่จะคอยดึงให้ใจกลับมาเกิดแก่เจ็บตายใหม่อยู่เรื่อยๆ มาตรการของวิปัสสนาก็มีหลายอย่าง
เช่น ธุดงค์ 13 ข้อนี้ก็เป็นมาตรการเสริมให้มีพลังจิตมากขึ้น ทำไมพระต้องฉันมื้อเดียว ทำไมไม่ฉัน 2 มื้อเหมือนคนอื่นที่ถือศีล 8 ทั่วๆ ไป พระป่าพระปฏิบัตินี่ท่านถือธุดงค์กัน ฉันมื้อเดียวเพื่อกำจัดความอยากกินนี่ ให้กินได้แต่กินเพื่อร่างกาย ไม่ให้กินเพื่อความอยาก แล้วก็อยากกินอาหารรสชาติต่างๆ ก็ให้เอาอาหารที่จะกินนี้รวมไปในบาตร แล้วก็ไปคลุกไปคนมัน เหมือนข้าวหมา เวลาเราจะเอาอาหารเข้าไปในท้อง เวลามันเข้าไปในท้องมันก็คลุกกันไม่ใช่เหรอ มันก็ต้องไปรวมกันในท้อง ไม่เห็นต้องแยกกันเลย
เวลาจะเอาเข้าปาก ทำไมต้องมีแยก เอาของนี้ก่อน ของนั้นก่อน เดี๋ยวมันก็ไปรวมกันในท้อง เพราะอาหารก็มีไว้เพื่อที่จะเอาไปหล่อเลี้ยงร่างกาย มันก็ต้องไปรวมกันในท้อง แล้วก็จะต้องคนเข้า ต้องคลุกต้องคนมัน ต้องมีการย่อยอาหาร ฉะนั้น ก็ย่อยมันในบาตรก่อน คลุกคนมัน เพื่อตัดความอยากในรสชาติของอาหาร ในรูปกลิ่นของอาหาร ให้มันรวมกันเป็นรสเดียวชาติเดียวกลิ่นเดียว อาหารจานเดียว อาหารอย่างเดียว
นี่ก็เป็นมาตรการสำหรับผู้ที่ต้องการจะหลุดออกจากโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิด จำเป็นที่ต้องมีมาตรการที่หนักขึ้นไป เพื่อที่จะเสริมพลังของจิต ในการทำลายความอยากต่างๆ ให้หมดไปจากใจ
..................
สนทนาธรรมบนเขา พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี