เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2562 เพจเฟซบุ๊ก "รวมพล คนรักทหารเรือ (I Love Navy)" ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ พร้อมข้อความระบุว่า #เรือดำน้ำกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
ประเทศไทยมีการนำเข้า-ส่งออก สินค้าทางทะเลสูงถึงร้อยละ 95 มีเรือสินค้าผ่านเข้าออกอ่าวไทยปีละประมาณ 15,000 ลำ โดย อ่าวไทย ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางคมนาคม ที่มีการนำเข้า-ส่งออกสินค้าที่สำคัญที่เชื่อมทวีปยุโรป เอเชีย และอเมริกา เข้าไว้ด้วยกัน โดยผ่านทางช่องแคบมะละกา ซึ่งหากเกิดปัญหาการปิดล้อมพื้นที่หรือข้อพิพาททางทะเลไม่ว่าที่ใด ย่อมส่งผลกระทบต่อการคมนาคมทางทะเลโดยตรง ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก
ทั้งนี้อ่าวไทย เป็นพื้นที่ มีความเสี่ยงสูงทางด้านภูมิศาสตร์ในการที่จะถูกปิดอ่าวหรือขัดขวางการใช้เส้นทางเดินเรือ เนื่องจากปากอ่าวมีความกว้างประมาณ 200 ไมล์ทะเล หรือ 400 กิโลเมตร หากเกิดกรณีพิพาทหรือความขัดแย้งกับต่างประเทศขึ้น การถูก ปิดอ่าวจะทำให้การขนส่งทางทะเลสายนี้หยุดชะงักทันที ส่งผลให้เศรษฐกิจเกิดความเสียหาย อย่างไม่สามารถประเมินค่าได้
แม้ว่ากองทัพเรือจะมีเรือผิวน้ำและอากาศยาน ในการสกัดกั้นการรุกรานทางทะเลอยู่แล้ว แต่การประกอบกำลังทางเรือที่สมบูรณ์จะต้องมีครบทั้ง 3 มิติ เพราะในมิติใต้น้ำ ต้องใช้เรือดำน้ำในการปราบเรือดำน้ำด้วยกัน สำหรับยามปกติ เรือดำน้ำจะทำหน้าที่ป้องปรามไม่ให้เรือใดๆ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามคิดเข้ามารุกรานประเทศไทย เปรียบเสมือนเป็นรั้วให้กับประเทศ เรือดำน้ำจึงเปรียบเสมือนกองกำลังใต้น้ำที่จะสร้างความน่าเกรงขามให้กับประเทศไทย
ในแง่ความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ นั้นประเทศไทยมีแผ่นดินติดกับทะเล 2 ด้าน คือ ด้านตะวันตกเป็นทะเลอันดามันและช่องแคบมะละกา ส่วนด้านตะวันออกเป็นอ่าวไทย มีพื้นที่ทางทะเลประมาณ 320,000 ตารางกิโลเมตร มีความลึกเฉลี่ยที่ประมาณ 50 เมตร ความลึกที่สุดอยู่บริเวณกลางอ่าว ประมาณ 85 เมตร ความใสของน้ำสามารถเห็นได้ลึกสุดไม่เกิน 16 เมตร
จากพื้นที่ที่มีบริเวณกว้างและสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการซ่อนพรางของเรือดำน้ำ ทำให้การค้นหาเรือดำน้ำด้วยสายตาจากบริเวณผิวน้ำ หรืออากาศยาน เป็นไปด้วยความยากลำบาก เรือดำน้ำจึงสามารถเข้ามาปฏิบัติการในอ่าวไทยได้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายที่จำเป็นต่อการพิทักษ์ปกป้องอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
ในอดีตช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เรือดำน้ำ USS Sealion ของกองทัพเรือสหรัฐฯ เคยเข้ามาจมเรือหลวงสมุย ขณะกำลังลำเลียงน้ำมันจากสิงคโปร์บริเวณอ่าวไทยตอนใต้
ส่วนในปัจจุบันเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าในอดีตมาก ก็เข้ามาฝึกกับกองทัพเรือในอ่าวไทยเป็นประจำ โดยสามารถปฏิบัติการใต้น้ำในอ่าวไทยได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เรือดำน้ำยุคใหม่ จะมีอุปกรณ์การเดินเรือที่ทันสมัย มีระบบรักษาความลึกขณะดำน้ำโดยอัตโนมัติที่มีความเที่ยงตรงสูง ดังนั้นการปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นถือเป็นเรื่องปกติของเรือดำน้ำ เพราะในบางภารกิจเรือดำน้ำจำเป็นต้องเข้าใกล้ฝั่งมาก ในอ่าวไทยมีน้ำลึกเฉลี่ย 50 เมตร จึงไม่ใช่อุปสรรคในการปฏิบัติการของเรือดำน้ำปัจจุบัน และการมองเห็นจากเครื่องบินเมื่อเรือดำน้ำดำลึกกว่า 20 เมตรก็ไม่สามารถมองเห็นได้
จากเหตุผลความจำเป็นที่กล่าวมาทั้งหมดดังที่กล่าวมาแล้วนั้น จะเห็นได้ว่าการจัดหาเรือดำน้ำเข้าประจำการในกองทัพเรือ มีความจำเป็น ในการปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ด้วยการเพิ่มศักยภาพของกำลังทางเรือของกองทัพเรือให้ทัดเทียมประเทศเพื่อนบ้าน และรักษาดุลกำลังทางเรือในภูมิภาคให้มีความสมดุล ซึ่งนับว่ามีความคุ้มค่าอย่างยิ่ง เมื่อเทียบกับผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติทางทะเลที่ยั่งยืนตลอดไป
ในอดีตการทำสงครามจะทำกันเฉพาะบนบกกับในทะเลบริเวณเหนือผิวน้ำเท่านั้น ส่วนการรบทางอากาศกับใต้น้ำนั้นยังไม่มีเนื่องจากวิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีสมัยนั้นยังไม่มี ความเจริญก้าวหน้าดังเช่นปัจจุบันที่ได้มีการทำสงครามเต็มรูปแบบทั้ง 4 มิติ ดังนั้น องค์ประกอบของกำลังรบในกองทัพปัจจุบัน จึงต้องมีทั้งกำลังทางบก กำลังทางเรือ และกำลังทางอากาศ โดยเฉพาะกำลังทางเรือนั้น ต้องมีทั้งในส่วนของเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำ ซึ่งกองทัพในนานาอารยประเทศต่างก็ได้มีการพัฒนากำลังรบดังกล่าวให้มีความเข้มแข็งเพื่อที่จะสามารถปฏิบัติภารกิจในการป้องกันอธิปไตยของชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานาวิกานุภาพของกองทัพเรือไทยได้มีการเสริมสร้างกำลังทางเรือ อาทิ เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เรือส่งกำลังบำรุงขนาดใหญ่ เรือฟริเกต เรือคอร์เวต เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือยกพลขึ้นบก เรือล่าทำลายทุ่นระเบิด และกำลังอากาศนาวีอีกจำนวนหนึ่ง เรียกได้ว่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอีกหลายประเทศในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
การที่ประเทศไทยไม่มีเรือดำน้ำนั้น ทำให้เสียเปรียบบางประเทศที่มีเรือดำน้ำ เนื่องจากเรือดำน้ำเป็นอาวุธเชิงรุกที่สามารถข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการที่จะส่งเรือรบผิวน้ำเข้ามาประชิดยังทะเลอาณาเขตจึงต้องใช้ความระมัดระวังที่สูงมาก ซึ่งสร้างความหวาดหวั่นแก่ฝ่ายตรงข้ามอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเรือดำน้ำจะเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับยุทโธปกรณ์แบบอื่น ๆ
แต่ก็ถือว่ามีความจำเป็นที่รัฐบาลควรจะให้ความสนใจ และจัดหาไว้เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่ากำลังทางเรือของไทยจะสามารถปกปักรักษาอธิปไตยของชาติทางทะเลได้อย่างสมบูรณ์
การจัดซื้อเรือดำน้ำจึงมีความคุ้มค่า เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งหากการคมนาคมขนส่งทางทะเลมีความมั่นคง ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับภาคธุรกิจในด้านการลงทุนได้เป็นอย่างดี
สำหรับยามปกติ เรือดำน้ำจะทำหน้าที่ป้องปรามไม่ให้เรือใดๆ ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามคิดเข้ามารุกรานประเทศไทย เปรียบเสมือนเป็นรั้วให้กับประเทศ เรือดำน้ำจึงเปรียบเสมือนกองกำลังใต้น้ำที่จะสร้างความน่าเกรงขามให้กับประเทศไทย จากสถานการณ์ปัจจุบันที่หลายคนมองว่าคงจะไม่เกิดสงครามในระยะใกล้นี้
แต่ความขัดแย้งในทะเลยังคงมีอยู่และไม่มีใครยืนยันได้ว่าสถานการณ์จะไม่บานปลายไปถึงขั้นการใช้กำลัง ต่อกันเมื่อใด
การมีเรือดำน้ำจึงเป็นเครื่องมือประเภทหนึ่งที่จะป้องปรามไม่ให้เกิดสงคราม ซึ่งการรักษาดุลกำลังทางเรือในภูมิภาคจึงมีความจำเป็น เพื่อให้มีการยับยั้งชั่งใจในการใช้กำลังทางเรือและนำไปสู่การเจรจาต่อรองที่มีความทัดเทียมกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทร.เร่งรับมือเมียนมา บรรจุ‘เรือดำน้ำ’เข้าปฏิบัติการฝั่งอันดามัน
ขอบคุณคลิปวีดีโอจาก : SNIPER NEWs
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี