คนเราเมื่อร้อนก็ต้องหาทางแก้ร้อน เมื่อหนาวก็ต้องหาทางแก้หนาว เมื่อหิวก็หาทางแก้หิว เมื่อปวดเมื่อยก็ต้องเปลี่ยนอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน ถ้าร้อนใจจะเอาอะไรมาแก้? ร้อนใจก็ต้องรักษาศีล ทำสมาธิให้ดี จึงจะมีเครื่องแก้ แก้ภายนอกพอแก้ได้ แต่แก้ภายในต้องแก้ด้วยสติปัญญา ถ้าใจเป็นบุญกุศลแล้วไม่ต้องไปแก้ เราต้องพยายามศึกษาและประพฤติปฏิบัติ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของคนอื่น
พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักหาทางไปของตัวเองว่าตายแล้วเราจะไปอย่างไร เราเกิดมาแล้วก็ต้องหาทางไปให้ดีกว่าที่เรามา เพราะเราจะยืนอยู่กับการเป็นมนุษย์นี่เป็นร้อยๆ พันๆ ปีไม่ได้ ถ้าเราจะอยู่ยืนๆ เราก็ต้องสร้างฐานะตัวเองให้จิตมีศีล มีสมาธิ เป็นเทวดา เทวดามีอายุเป็นโกฏิๆ ล้านๆ ปี เป็นมนุษย์นี่แป๊บเดียวไม่นานเราก็ต้องจากกันไป พระพุทธเจ้าท่านให้เรามองดูชีวิตของเราที่เคลื่อนคล้อยลับไปทุกวันๆ ความดีเราทำแล้วหรือยัง?
ถ้าเราทำบาปได้ เราก็ต้องทำบุญได้ เรียกว่า ละบาป บำเพ๊ญบุญให้มากเท่าไร จิตเราก็ยิ่งดีมากเท่านั้น แต่ถ้าเราไปทำบาปมากเท่าไรจิตใจของเราก็ยิ่งเศร้าหมองขุ่นมัวมากเท่านั้น จะเก็บแต่อารมณ์ไม่ดีฝังไว้ กินก็ใจไม่ดี นอนก็ใจไม่ดี คิดนึกอะไรก็ไม่ดี ที่พระพุทธเจ้าสอนเรา ถ้าทำตามได้เราก็เป็นสุขสงบ พระพุทธเจ้าทรงสอนแต่ทางสงบ สอนแต่ทางเป็นสุข สอนเพื่อให้ดับทุกข์ ท่านบอกว่าใจคนเรานี้มันร้อนง่ายแต่เย็นยาก มันทุกข์ง่ายแต่มันสุขยาก มันชั่วง่ายแต่มันดียาก
ถ้าเราได้มารู้ใจตัวเองแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าดีที่ใจแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีไปหมด เหมือนวันไหนจิตใจของเราปลอดโปร่งวันนั้นรู้สึกว่าจะมองไปทางไหนก็สบายใจ จะคุยกับใคร จะคิดอะไร จะยืนเดินนั่งนอนมันก็สบายใจ เพราะใจของเราเป็นบุญกุศล แต่วันไหนใจของเราหมกมุ่นขุ่นมัวเศร้าหมองมีแต่ความไม่สบายใจ วันนั้นจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน มันอึดอัดไปหมด ไม่มีความสบายกายสบายใจเลย เป็นมนุษย์ก็เหมือนตกนรก เพราะใจมันอึดอัด
หากตายไปดวงใจดวงนี้มันก็จะต้องไปอึดอัดอีก ฉะนั้น เราต้องหาทางสงบใจให้ได้ อย่าให้ใจกระด้างกระเดื่อง อย่าให้ใจออกนอกลู่นอกทางนอกศีลนอกธรรม เราต้องรู้จักผูกใจตัวเอง รู้จักเครื่องอยู่ของใจ
เครื่องอยู่ของใจก็คือภาวนานี่แหละ! หายใจเข้า "พุท" หายใจออก "โธ" จับความรู้สึกไว้ที่สองช่องจมูก เห็นใบหน้าตัวเอง เห็นจมูกตัวเอง เห็นลมหายใจเข้า-ออก สั้น-ยาว หยาบ-ละเอียด ร้อน-เย็น เห็นรูปร่างหน้าตาของเรา นุ่งห่มผ้าสีใดใส่เสื้อสีใด คิดนึกอะไรเราก็ "พุท" ลมเข้า "โธ" ลมออกจนกว่าใจของเราจะว่าง
เรามีเงินก็ใช่ว่ามีความสุข เงินซื้อบุญกุศลทางจิตใจไม่ได้ เงินเป็นส่วนประกอบภายนอกให้สบายใจ หรือว่าให้ความสะดวกเท่านั้นเอง แต่ที่จะดับความทุกข์จริงๆนั้นต้องดับด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา คนเราวิ่งหาแต่เงิน วิ่งหาแต่วัตถุอย่างเดียว ไม่ได้วิ่งหาธรรมะ ถ้าคนเราวิ่งหาแต่ธรรมะก็จะเจอทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันไว้ที่เดียวคือที่ใจของเรา
ฉะนั้น เราต้องพยายามพิจารณากายใจของเรา ภาวนา "พุทโธ" วันละ ๕ นาที ๑๐ นาที ภาวนาบ่อยๆ ก็ทำให้เกิดสมาธิ เกิดปัญญามากขึ้นๆ อันนี้แหละ! เราจะได้ไปสวรรค์บ่อยๆ ได้ใกล้พระนิพพานบ่อยๆ
ท่านบอกว่าบุญนี่เหมือนน้ำหยดทีละหยด ที่เราเอาตุ่มมารองไว้ แม้ต้ำจะหยดทีละหยด แต่ถ้ามันหยดไม่หยุดเลย ในไม่ช้าก็ต้องเต็มตุ่ม การที่เรารักษา ศีลบ่อยๆ เจริญภาวนาทำใจให้สงบบ่อยๆ ก็เหมือนน้ำหยดทีละหยดๆ ถึงแม้ไม่มากแต่หนักเข้าๆ ก็เต็มได้ฉันใด บุญกุศลที่เราทำเป็นนิจศีลทุกวันๆ นี่มันก็เต็มได้เหมือนกันฉันนั้น แต่ถ้าทำบุญไม่เป็น ทำแล้วเกิดความโกรธ เกิดความโลภ เกิดความหลง ก็เหมือนกับเอาน้ำไปหยดในตุ่มรั่วนั่นเอง กี่ร้อยกี่พันปีน้ำก็ไม่เต็มตุ่มสักที เราจะต้องทำสมาธิด้วย เพราะสมาธินี่เป็นที่เก็บบุญ ทำใจแล้วบุญจะไม่รั่ว สมาธิจะกำจัดนิวรณ์ได้ สมาธิสามารถกำจัดความรั่วไหลของอารมณ์ได้ ทำให้ไม่คิดโน่นไม่คิดนี่ ไม่ปรุงแต่งวุ่นวาย มันก็เลยกลายเป็นตุ่มดี บุญอะไรเข้ามาสักอย่างก็ขังอยู่ในใจเราหมด
........................
จากหนังสือธรรมะของหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ วัดสังฆทาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี